May 23, 2025

ไขข้อสงสัย! ไขมันในเลือดสูง กินน้ำมันปลาได้ไหม

ไขมันในเลือดสูง กินน้ำมันปลาได้ไหม - KLARITY

"น้ำมันปลา" คือคำตอบของใครหลายคนที่อยากดูแลสมอง หัวใจ และสุขภาพ แต่สำหรับคนที่มีภาวะไขมันในเลือดสูง คำถามสำคัญคือ "คนที่ไขมันในเลือดสูง กินน้ำมันปลาได้ไหม?" หรือ "ยิ่งกิน ยิ่งเสี่ยง?" บทความนี้ KLARITY จะพาคุณมาทำความเข้าใจอย่างชัดเจน พร้อมแนะนำแนวทางการเลือกน้ำมันปลาที่เหมาะสม เพื่อสุขภาพที่ดีกว่าเดิม

ทำความเข้าใจ “ไขมันในเลือดสูง” คืออะไร?

ไขมันในเลือดสูง (Hyperlipidemia) คือภาวะที่ระดับไขมันในเลือดมีมากกว่าปกติ โดยเฉพาะ คอเลสเตอรอลชนิดไม่ดี (LDL) และ ไตรกลีเซอไรด์ (Triglycerides) ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญของโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ อัมพฤกษ์ อัมพาต และโรคหลอดเลือดสมอง

ไขมันในเลือดสูง

ไขมันในเลือดมี 2 ชนิดหลัก ๆ คือ

  • LDL (Low-Density Lipoprotein): เรียกว่า "ไขมันเลว" เมื่อมีมากเกินจะเกาะตามผนังหลอดเลือด ทำให้หลอดเลือดตีบ
  • HDL (High-Density Lipoprotein): ไขมันดี ที่ช่วยพา LDL กลับไปทำลายที่ตับ
  • Triglycerides: ไขมันอีกชนิดหนึ่งที่มักเพิ่มสูงจากอาหารมัน ของทอด น้ำตาล และแอลกอฮอล์

สาเหตุที่ทำให้ไขมันในเลือดสูง

  • กินอาหารที่มีไขมันอิ่มตัวและคอเลสเตอรอลสูง
  • น้ำหนักเกินหรือเป็นโรคอ้วน
  • ขาดการออกกำลังกาย
  • สูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์
  • พันธุกรรม หรือโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน

น้ำมันปลา คืออะไร?

น้ำมันปลา (Fish Oil) คือไขมันที่สกัดจากเนื้อหรือผิวหนังปลาทะเล เช่น ปลาทูน่า ปลาแซลมอน ปลาซาร์ดีน อุดมด้วยกรดไขมันโอเมก้า-3 โดยเฉพาะ 2 ชนิดหลักที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพหัวใจ ได้แก่

  • EPA (Eicosapentaenoic Acid): ช่วยลดการอักเสบ ลดการเกาะตัวของเกล็ดเลือด
  • DHA (Docosahexaenoic Acid): บำรุงสมอง สายตา และระบบประสาท

ไขมันในเลือดสูง กินน้ำมันปลาได้ไหม?

คำตอบคือ ได้! และมีข้อดีหลายด้านต่อผู้ที่มีปัญหาไขมันในเลือดสูง น้ำมันปลา เป็นหนึ่งในอาหารเสริมที่ได้รับความสนใจมากในการดูแลสุขภาพหัวใจและหลอดเลือด โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ที่มีภาวะไขมันในเลือดสูง หรือไตรกลีเซอไรด์ในระดับที่น่ากังวล เพราะในน้ำมันปลามี กรดไขมันโอเมก้า-3 ชนิด EPA และ DHA ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยลดการอักเสบ ควบคุมจังหวะการเต้นของหัวใจ และที่สำคัญคือ ช่วยลดระดับไตรกลีเซอไรด์ในเลือดได้จริง

ไขมันในเลือดสูง กินน้ำมันปลาได้ไหม

มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์รองรับชัดเจนว่า การรับประทานน้ำมันปลาในปริมาณที่เหมาะสมสามารถช่วยลดระดับไตรกลีเซอไรด์ในเลือดได้อย่างมีนัยสำคัญ

  • บทความวิชาการจาก Mayo Clinic ระบุว่า กรดไขมันโอเมก้า-3 จากน้ำมันปลา โดยเฉพาะ EPA สามารถลดระดับไตรกลีเซอไรด์ลงได้ถึง 15–30% เมื่อรับประทานในปริมาณที่เหมาะสม (ผลวิจัยนี้มักเห็นผลดีในผู้ที่มีระดับไตรกลีเซอไรด์สูงมาก (>500 mg/dL) และการใช้โดสสูง (2-4 กรัม/วัน)
  • การศึกษาในวารสาร Journal of Clinical Lipidology (2019) รายงานว่า การใช้โอเมก้า-3 ที่มีปริมาณ EPA สูง เช่น Icosapent ethyl (รูปแบบยา) ช่วยลดระดับไตรกลีเซอไรด์ได้โดยไม่เพิ่ม LDL-C มากเกินไป
  • องค์การอาหารและยาสหรัฐฯ (FDA) ยังอนุมัติให้ใช้โอเมก้า-3 (เฉพาะบางชนิด) เป็นยาเสริมในการรักษาไตรกลีเซอไรด์สูงร่วมกับการควบคุมอาหาร

American Heart Association (AHA) แนะนำว่า สำหรับผู้ที่มีไตรกลีเซอไรด์สูง ควรได้รับ EPA + DHA รวม 1,000–4,000 มิลลิกรัม/วัน โดยควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ เพื่อประเมินความเสี่ยงและวางแผนการรับประทานอย่างเหมาะสม หากเป็นผู้ที่เคยมีโรคหัวใจมาก่อน AHA ยังแนะนำการเสริมน้ำมันปลาเพื่อป้องกันการกลับมาเป็นซ้ำอีก

KLARITY Omega-3 น้ำมันปลาที่ออกแบบมาเพื่อสุขภาพ

ข้อควรระวังในการใช้น้ำมันปลา

แม้น้ำมันปลาจะมีประโยชน์มาก แต่ก็มีข้อควรระวัง โดยเฉพาะผู้ที่มีภาวะไขมันในเลือดสูง หรือโรคประจำตัวอื่น ๆ

  1. อย่ากินเกินขนาด การกินน้ำมันปลาเกิน 4,000 มก./วัน อาจเสี่ยงเลือดออกง่าย ปวดท้อง หรือท้องเสีย (อ่านเพิ่ม > ร่างกายต้องได้รับปริมาณ Omega-3 เท่าไหร่)
  2. ระวังการใช้ร่วมกับยา เช่น ยาต้านการแข็งตัวของเลือด (เช่น แอสไพริน, วาร์ฟาริน) เพราะน้ำมันปลามีฤทธิ์ต้านการเกาะกลุ่มของเกล็ดเลือด
  3. ควรเลือกน้ำมันปลาที่มีคุณภาพสูง หลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่ปนเปื้อนโลหะหนัก เช่น ปรอท สารตะกั่ว ซึ่งอาจพบได้ในปลาทะเลลึก

วิธีเลือกน้ำมันปลาที่เหมาะสำหรับคนไขมันในเลือดสูง

หากคุณมีปัญหาเรื่องไขมันในเลือดสูง การเลือกน้ำมันปลาที่ "ใช่" ถือเป็นกุญแจสำคัญ

  • เลือกแบบที่มี EPA สูงกว่า DHA เพราะ EPA มีผลในการลด Triglyceride และไม่เพิ่ม LDL
  • ดูปริมาณ EPA + DHA ต่อแคปซูล ควรมี EPA + DHA รวมกันไม่ต่ำกว่า 1,000 มก./วัน
  • เลือกจากแหล่งผลิตที่ได้มาตรฐาน มองหาผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการรับรอง GMP, IFOS (มาตรฐานสากลของน้ำมันปลา), ใช้น้ำมันปลาจากนอร์เวย์ หรือผ่านการตรวจโลหะหนัก

KLARITY Omega-3 น้ำมันปลาที่ออกแบบมาเพื่อสุขภาพ

KLARITY Omega-3 Norway Daily เป็นผลิตภัณฑ์น้ำมันปลาคุณภาพสูงจากประเทศนอร์เวย์ แหล่งที่ขึ้นชื่อเรื่องปลาทะเลบริสุทธิ์ที่สุดในโลก

KLARITY Omega-3

จุดเด่นของ KLARITY ที่เหมาะกับคนไขมันในเลือดสูง

  • สกัดจากปลาทะเลลึก ที่มี EPA สูงโดยธรรมชาติ
  • ปริมาณ EPA 175 มก. และ DHA 125 มก. ต่อแคปซูล
  • ผ่านการทดสอบสารปนเปื้อน โลหะหนัก และปรอท
  • ได้รับมาตรฐาน คิดค้นสูตรและผลิต ในประเทศนอร์เวย์
  • กลิ่นคาวน้อย ทานง่าย ไม่ทำให้เรอคาว

เพื่อประสิทธิภาพสูงสุด รับประทาน KLARITY Omega-3 วันละ 1–2 แคปซูล พร้อมอาหาร โดยควบคู่กับการควบคุมอาหารและออกกำลังกายสม่ำเสมอ

สั้งซื้อเลยที่นี่!

อาหารเสริมไม่ใช่ "ทางลัด" แต่เป็น "ตัวช่วย"

น้ำมันปลาเป็นตัวช่วยสำคัญในการจัดการไขมันในเลือด แต่ไม่ใช่ยาวิเศษ! หากอยากเห็นผลชัดเจน ควรปรับพฤติกรรมร่วมด้วย เช่น

  • ลดอาหารทอด ไขมันสัตว์ และน้ำตาล
  • ออกกำลังกายอย่างน้อย 30 นาทีต่อวัน
  • เลิกบุหรี่ งดแอลกอฮอล์
  • นอนหลับให้เพียงพอ
  • พบแพทย์เพื่อตรวจไขมันเป็นประจำ

สรุปบทความ: ไขมันในเลือดสูง กินน้ำมันปลาได้ไหม?

คนที่มีภาวะไขมันในเลือดสูง สามารถกินน้ำมันปลาได้ โดยเฉพาะในกลุ่มที่มีไตรกลีเซอไรด์สูง เพราะน้ำมันปลาช่วยลดไขมันชนิดนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ  ซึ่งช่วยลดการอักเสบของหลอดเลือด และลดความเสี่ยงโรคหัวใจ

อย่างไรก็ตาม ควรเลือกน้ำมันปลาที่ มีคุณภาพสูง และทานในปริมาณที่เหมาะสม รวมถึงปรึกษาแพทย์หากมีโรคประจำตัว หรือใช้ยาอย่างต่อเนื่อง

ด้วยมาตรฐานระดับโลกของ KLARITY น้ำมันปลาสกัดบริสุทธิ์จากนอร์เวย์ คุณสามารถมั่นใจได้ว่าได้รับโอเมก้า-3 ที่ปลอดภัยและเข้มข้น เพื่อดูแลสุขภาพหัวใจและหลอดเลือดให้แข็งแรงในระยะยาว

อ้างอิง:

  • American Heart Association. Omega-3 fatty acids and heart disease
  • Mayo Clinic. Fish oil: Friend or foe?
  • Skulas-Ray AC, et al. (2019). Omega-3 Fatty Acids for the Management of Hypertriglyceridemia: A Science Advisory From the American Heart Association. Circulation, 140(12): e673–e691. DOI: 10.1161/CIR.0000000000000709

Article by

klarity asia