January 27, 2025

ทำไมตาถึงกระตุกไม่หยุด? ส่องสาเหตุ! พร้อมวิธีป้องกัน

ทำไมตาถึงกระตุกไม่หยุด? ส่องสาเหตุ! พร้อมวิธีป้องกัน

หลายคนคงเคยมีอาการ "ตากระตุก" ที่เกิดขึ้นโดยไม่รู้ตัวและบางครั้งก็กระตุกจนไม่สามารถหยุดได้ อาการนี้อาจทำให้คุณรู้สึกไม่สบายตัวและกังวลใจ แต่จริง ๆ แล้วตากระตุกไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร และอาจเกิดจากหลายสาเหตุ ซึ่งบางสาเหตุอาจจะเป็นเรื่องง่าย ๆ เช่น ความเครียด หรือการพักผ่อนที่ไม่เพียงพอ วันนี้เราจะมาทำความเข้าใจเกี่ยวกับสาเหตุและวิธีการจัดการกับอาการนี้

สาเหตุที่ทำให้ตากระตุกไม่หยุด

อาการตากระตุกที่เกิดขึ้นโดยไม่ตั้งใจอาจทำให้รู้สึกกังวลและรบกวนการทำกิจกรรมในชีวิตประจำวัน แต่จริง ๆ แล้วมันสามารถเกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัยที่แตกต่างกัน ซึ่งบางครั้งเป็นสัญญาณของการที่ร่างกายกำลังเผชิญกับปัญหาหรือความเครียดที่ต้องได้รับการดูแลอย่างจริงจัง มาดูกันว่ามีสาเหตุใดบ้างที่ทำให้เกิดอาการนี้

สาเหตุที่ทำให้ตากระตุกไม่หยุด

ความเครียดและความวิตกกังวล

ความเครียดเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดอาการตากระตุก เพราะเมื่อเรามีความเครียด ร่างกายจะปล่อยสารเคมีที่กระตุ้นระบบประสาทและกล้ามเนื้อทำงานมากเกินไป ซึ่งกล้ามเนื้อตาก็ได้รับผลกระทบ ทำให้เกิดอาการกระตุกได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะในช่วงที่เรากังวลหรือมีความวิตกกังวล

การพักผ่อนไม่เพียงพอ

การนอนหลับไม่เพียงพอหรือพักผ่อนไม่เต็มที่ส่งผลต่อการทำงานของระบบประสาทและกล้ามเนื้อ เมื่อร่างกายไม่ได้รับการฟื้นฟูอย่างเต็มที่อาจทำให้กล้ามเนื้อตาที่ควบคุมการเคลื่อนไหวเกิดอาการกระตุกได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะหากมีการใช้สายตาติดต่อกันนาน ๆ โดยไม่มีการพัก

การใช้สายตาที่มากเกินไป

การจ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์ โทรศัพท์มือถือ หรือการอ่านหนังสือเป็นเวลานาน ๆ โดยไม่พักการใช้สายตาอาจทำให้เกิดการกระตุกที่ตาได้ เนื่องจากกล้ามเนื้อตาที่ต้องทำงานหนักเกินไปเพื่อมุ่งไปที่จุดเดียว จนทำให้เกิดการกระตุก

การขาดสารอาหาร 

การขาดแร่ธาตุและวิตามินบางชนิด เช่น แมกนีเซียม โพแทสเซียม หรือวิตามินบี สามารถทำให้ระบบประสาททำงานผิดปกติ และอาจส่งผลให้เกิดอาการตากระตุกได้ เพราะสารอาหารเหล่านี้ช่วยในการทำงานของกล้ามเนื้อและระบบประสาท

การบริโภคคาเฟอีนหรือแอลกอฮอล์มากเกินไป

คาเฟอีนและแอลกอฮอล์เป็นสารกระตุ้นที่สามารถกระตุ้นระบบประสาท ทำให้เกิดการตื่นตัวเกินไป และอาจส่งผลให้กล้ามเนื้อตากระตุกได้ง่าย หากบริโภคในปริมาณมากเกินไปหรือเป็นประจำ

หากอาการตากระตุกเกิดขึ้นบ่อย ๆ หรือไม่หายไปภายในระยะเวลาสั้น ๆ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงและรับการรักษาที่เหมาะสม

อาการตากระตุกที่อันตราย ไม่ควรมองข้าม

แม้ว่าอาการตากระตุกมักจะไม่ใช่อาการที่ร้ายแรงและมักจะหายไปเองในระยะเวลาไม่นาน แต่ในบางกรณีอาการนี้อาจเป็นสัญญาณของปัญหาสุขภาพที่ต้องได้รับการดูแลจากแพทย์โดยด่วน มาดูอาการที่ไม่ควรมองข้ามเมื่อเกิดอาการตากระตุก

ตากระตุกเป็นเวลานานเกิน 1 สัปดาห์

หากอาการตากระตุกเกิดขึ้นติดต่อกันนานกว่า 1 สัปดาห์และไม่หายไป หรือมีอาการรุนแรงขึ้น อาจเป็นสัญญาณของปัญหาทางสุขภาพที่จำเป็นต้องตรวจสอบ อาการที่เกิดขึ้นต่อเนื่องเป็นเวลานานอาจบ่งบอกถึงการมีความผิดปกติที่ระบบประสาทหรือกล้ามเนื้อซึ่งอาจต้องการการรักษาจากผู้เชี่ยวชาญ

มีอาการปวดหรือการเคลื่อนไหวที่ผิดปกติของกล้ามเนื้อใบหน้า

หากอาการตากระตุกเกิดพร้อมกับอาการปวดหรือการเคลื่อนไหวผิดปกติของกล้ามเนื้อใบหน้า เช่น การเหยียดหรือหดตัวของกล้ามเนื้ออย่างผิดปกติ อาจเป็นสัญญาณของภาวะทางระบบประสาทบางชนิด เช่น เบลล์พัลซี (Bell’s Palsy) หรืออาการผิดปกติของประสาทใบหน้า ซึ่งจำเป็นต้องได้รับการตรวจสอบและรักษาอย่างเหมาะสม

ตากระตุกพร้อมอาการอื่น เช่น ตาบวม หรือตามัว

หากอาการตากระตุกเกิดขึ้นพร้อมกับอาการตาบวม หรือตามัว การมีอาการเหล่านี้ร่วมด้วยอาจเป็นสัญญาณของโรคทางตาหรือระบบประสาทที่ต้องการการดูแลจากแพทย์ เพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงจากภาวะร้ายแรง เช่น การติดเชื้อ หรือโรคที่ส่งผลต่อการมองเห็น

บทความสุขภาพดี ๆ ที่คนรักสุขภาพไม่ควรพลาด!

วิธีแก้ไขและป้องกันอาการตากระตุก

อาการตากระตุกที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งสามารถบรรเทาหรือป้องกันได้ด้วยการดูแลตัวเองในหลาย ๆ ด้าน ซึ่งสามารถช่วยให้คุณกลับมามีชีวิตที่สุขภาพดีขึ้นได้ด้วยวิธีเหล่านี้

การลดความเครียดด้วยการทำสมาธิหรือออกกำลังกาย

ความเครียดเป็นหนึ่งในสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดอาการตากระตุก การลดความเครียดจะช่วยให้ระบบประสาทและกล้ามเนื้อของคุณผ่อนคลายลงได้ วิธีที่ง่ายที่สุดคือการทำสมาธิ หรือการออกกำลังกายเบา ๆ เช่น การเดินเร็ว หรือโยคะ ซึ่งสามารถช่วยลดความเครียดและเพิ่มความรู้สึกผ่อนคลาย

การพักผ่อนให้เพียงพอ

การนอนหลับที่เพียงพอเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้ร่างกายฟื้นฟูและระบบประสาททำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ หากคุณพักผ่อนไม่เพียงพอ อาจทำให้กล้ามเนื้อตาเกิดอาการกระตุกได้ จึงควรให้ความสำคัญกับการนอนหลับอย่างเต็มที่อย่างน้อย 7-8 ชั่วโมง

การปรับลดการใช้คอมพิวเตอร์และมือถือ

การใช้สายตามากเกินไปจากการจ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์และโทรศัพท์มือถือเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการตากระตุก การปรับลดการใช้งานหน้าจอหรือการพักการใช้สายตาทุกๆ 20 นาที ด้วยการมองไปที่จุดห่างออกไป 20 ฟุตเป็นเวลา 20 วินาที (20-20-20 rule) จะช่วยลดการทำงานของกล้ามเนื้อตาที่มากเกินไป

การรับประทานอาหารที่ครบถ้วนและสมดุล

อาหารที่มีสารอาหารครบถ้วนจะช่วยให้ร่างกายทำงานได้ดีขึ้นและลดความเสี่ยงจากอาการตากระตุก อาหารที่มีวิตามินบี แมกนีเซียม และโอเมก้า-3 เป็นสิ่งที่สำคัญในการทำให้ระบบประสาททำงานได้ปกติ เช่น อาหารที่มีปลาที่อุดมไปด้วยโอเมก้า-3 อย่างปลาแซลมอน

 Omega-3 Norway Daily จาก KLARITY

น้ำมันปลา Omega-3 จาก KLARITY เป็นแหล่งที่ดีของกรดไขมันโอเมก้า-3 ซึ่งสามารถช่วยปรับสมดุลให้กับระบบประสาทและสมอง เพื่อการทำงานที่ดีขึ้นและป้องกันอาการกระตุกของกล้ามเนื้อ รวมถึงส่งเสริมสุขภาพโดยรวม

 

การลดคาเฟอีนและแอลกอฮอล์

คาเฟอีนและแอลกอฮอล์เป็นสารกระตุ้นที่อาจทำให้ระบบประสาทตื่นตัวมากเกินไปและกระตุ้นการเกิดอาการตากระตุกได้ ดังนั้น การลดปริมาณการบริโภคสารเหล่านี้จะช่วยให้กล้ามเนื้อตาไม่ต้องทำงานหนักเกินไป

การปรึกษาแพทย์ในกรณีที่อาการไม่ดีขึ้น

หากคุณได้ลองทำตามวิธีข้างต้นแล้ว แต่ยังคงมีอาการตากระตุกอย่างต่อเนื่อง ควรไปพบแพทย์เพื่อรับการตรวจสอบและวินิจฉัยอย่างถูกต้อง เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงและได้รับการรักษาที่เหมาะสม

สรุป

อาการตากระตุกไม่หยุดอาจเป็นปัญหาที่สร้างความรำคาญ แต่ในหลายๆ กรณีก็สามารถเกิดขึ้นได้จากปัจจัยหลายประการ เช่น ความเครียด การพักผ่อนไม่เพียงพอ การใช้สายตาเกินไป หรือการขาดสารอาหาร ทั้งนี้ยังสามารถเชื่อมโยงกับการบริโภคคาเฟอีนหรือแอลกอฮอล์มากเกินไป รวมถึงโรคบางประเภทที่อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการดังกล่าว  การดูแลตัวเองด้วยการลดความเครียด การพักผ่อนให้เพียงพอ และการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้สายตา รวมถึงการรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ จะช่วยลดความเสี่ยงและป้องกันอาการตากระตุกได้

Article by

klarity asia