September 21, 2024

เช็กด่วน! ตาล้า อาการเป็นยังไง? พร้อมวิธีดูแลสายตาให้แข็งแรง

เช็กด่วน! ตาล้า อาการเป็นยังไง? พร้อมวิธีดูแลสายตาให้แข็งแรง

อาการตาล้าเป็นปัญหาที่หลายคนต้องเผชิญในยุคที่การใช้สายตาหน้าจอคอมพิวเตอร์และสมาร์ทโฟนกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นการทำงาน เล่นเกม หรือเลื่อนดูโซเชียลมีเดีย การใช้งานที่มากเกินไปอาจทำให้สายตาเมื่อยล้า ส่งผลให้เกิดความไม่สบายตา ปวดศีรษะ หรือแม้กระทั่งความผิดปกติในการมองเห็น หากคุณสงสัยว่าตาล้า อาการเป็นอย่างไรและต้องการดูแลสายตาให้แข็งแรง บทความนี้ KLARITY ช่วยคุณได้!

อาการตาล้า (Eye Strain) คืออะไร?

อาการตาล้า หรือ Eye Strain คือภาวะที่ดวงตาของคุณรู้สึกอ่อนล้าและไม่สบาย จากการใช้สายตามากเกินไปหรือใช้สายตาในสภาพแวดล้อมที่ไม่เหมาะสม อาการนี้อาจเกิดขึ้นได้กับทุกคน โดยเฉพาะผู้ที่ทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน หรือคนที่ต้องเพ่งสายตาเป็นระยะเวลานาน ๆ

เช็ก 5 อาการของตาล้ามีอะไรบ้าง? ใครเป็นต้องแก้ด่วน!

เช็ก 5 อาการของตาล้า

ตาล้า อาการที่เกิดขึ้นเมื่อดวงตาได้รับการใช้งานหนักเกินไป โดยเฉพาะจากการจ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์หรือสมาร์ทโฟนเป็นเวลานาน ซึ่งส่งผลกระทบต่อการมองเห็นและสุขภาพดวงตาโดยรวม นี่คือ 5 อาการที่บ่งบอกว่าคุณอาจกำลังเผชิญกับปัญหาตาล้า

1. ปวดตา หรือตาพร่ามัว

อาการปวดตาและตาพร่ามัวมักเกิดขึ้นจากการใช้งานดวงตาติดต่อกันเป็นเวลานาน โดยเฉพาะการจ้องหน้าจอที่มีแสงสว่างจ้าเกินไป หรือการอ่านหนังสือในที่แสงน้อย ทำให้กล้ามเนื้อตาทำงานหนักเกินไป ส่งผลให้ตาไม่สามารถปรับโฟกัสได้อย่างเหมาะสม

2. แสบตาหรือคันตา

เมื่อคุณรู้สึกแสบหรือคันตา อาจเกิดจากการที่ดวงตาได้รับฝุ่นละอองหรือการสัมผัสกับหน้าจอที่มีแสงสีฟ้ามากเกินไป การแสบคันตานี้อาจเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าดวงตาของคุณเริ่มแสดงอาการล้าและต้องการการพักผ่อน

3. ตาแห้งหรือน้ำตาไหลบ่อย

ตาล้ามักทำให้เกิดอาการตาแห้งเนื่องจากการกระพริบตาน้อยลงเมื่อจ้องหน้าจอเป็นเวลานาน ในบางกรณี ตาล้ายังทำให้เกิดอาการน้ำตาไหลบ่อยๆ ซึ่งเป็นการตอบสนองของร่างกายที่พยายามรักษาความชุ่มชื้นให้กับดวงตา

4. ปวดหัวหรือเวียนศีรษะ

การใช้สายตามากเกินไปสามารถทำให้คุณปวดหัวหรือเวียนศีรษะได้ โดยเฉพาะเมื่อต้องใช้ดวงตาในการจ้องสิ่งใดสิ่งหนึ่งเป็นเวลานาน การที่กล้ามเนื้อตาทำงานหนักอย่างต่อเนื่องอาจส่งผลต่อสมองและระบบประสาท ทำให้เกิดอาการเหล่านี้

5. มองเห็นไม่ชัดในระยะใกล้หรือไกล

อีกหนึ่งสัญญาณของตาล้าคือการมองเห็นไม่ชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นระยะใกล้หรือระยะไกล ดวงตาที่อ่อนล้าอาจทำให้คุณโฟกัสภาพได้ยาก โดยเฉพาะหลังจากใช้สายตามากเกินไป หากไม่แก้ไขอาจทำให้เกิดปัญหาด้านการมองเห็นถาวรได้

สาเหตุที่ทำให้เกิดอาการตาล้า

การตาล้าเกิดขึ้นจากหลายปัจจัยที่ทำให้ดวงตาต้องทำงานหนักกว่าปกติ นี่คือสาเหตุหลัก ๆ ที่ทำให้คุณรู้สึกตาล้าและควรระวัง

สาเหตุที่ทำให้เกิดอาการตาล้า
  • จ้องหน้าจอนานเกินไป 
    การจ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์ สมาร์ทโฟน หรือแท็บเล็ตเป็นเวลานานโดยไม่หยุดพัก เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ดวงตาล้าจนเกิดอาการต่าง ๆ เช่น ปวดตาและแสบตา การมองจอใกล้ ๆ ยังทำให้กล้ามเนื้อตาต้องทำงานหนัก ซึ่งอาจทำให้เกิดปัญหาการมองเห็นในระยะยาว
  • อ่านหนังสือหรือทำงานในที่แสงน้อย 
    การอ่านหนังสือหรือทำงานในที่มีแสงน้อยทำให้ดวงตาต้องเพ่งมากขึ้นเพื่อให้เห็นตัวหนังสือหรือรายละเอียดต่าง ๆ ซึ่งเป็นการเพิ่มความตึงที่บริเวณกล้ามเนื้อตาและทำให้เกิดอาการตาล้าได้ง่าย
  • การขับรถเป็นเวลานานโดยไม่พัก
    การขับรถเป็นเวลานานโดยไม่หยุดพักทำให้ดวงตาต้องจ้องไปที่ถนนและสัญญาณต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้เกิดความตึงที่กล้ามเนื้อตา นอกจากนี้ การขับรถในตอนกลางคืนยังอาจทำให้เกิดความเมื่อยล้าเพิ่มขึ้นเนื่องจากการต้องมองเห็นในสภาวะที่มีแสงน้อย
  • สภาพแวดล้อมที่ไม่เหมาะสม เช่น อากาศแห้งหรือฝุ่น
    สภาพแวดล้อมที่มีอากาศแห้งหรือมีฝุ่นสามารถทำให้ดวงตาเกิดความระคายเคืองและแห้งได้ง่าย การสัมผัสกับสภาพแวดล้อมที่ไม่เหมาะสมเหล่านี้ทำให้ดวงตาต้องพยายามรักษาความชุ่มชื้น ซึ่งอาจทำให้เกิดอาการตาล้าและไม่สบายตา

วิธีดูแลและป้องกันอาการตาล้า

ปรับแสงหน้าจอให้ถนอมสายตา

การปรับความสว่างและความคมชัดของหน้าจอให้เหมาะสมจะช่วยลดอาการตาล้า ควรหลีกเลี่ยงการตั้งค่าความสว่างที่สูงเกินไปและเลือกโหมดแสงที่เป็นมิตรกับสายตา เช่น โหมดอ่านหนังสือ หรือใช้ฟิลเตอร์ป้องกันแสงสีฟ้า

พักสายตาตามกฎ 20-20-20

การพักสายตาเป็นวิธีที่ช่วยลดอาการตาล้าได้ดี โดยใช้กฎ 20-20-20 ให้มองออกไปที่ระยะ 20 ฟุต (ประมาณ 6 เมตร) เป็นเวลา 20 วินาที ทุก ๆ 20 นาที เพื่อให้ดวงตาได้พักและฟื้นฟูไปในตัว

ปรับท่านั่งและระยะห่างจากหน้าจอ

การปรับท่านั่งให้ถูกต้องและระยะห่างจากหน้าจอให้เหมาะสมช่วยลดอาการตาล้าได้เช่นกัน ควรนั่งห่างจากหน้าจอประมาณ 20-30 นิ้ว (50-75 เซนติเมตร) และให้หน้าจออยู่ในระดับสายตาหรือเล็กน้อยต่ำกว่า เพื่อป้องกันการเพ่งมากเกินไป

ใช้น้ำตาเทียมเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้น

การใช้น้ำตาเทียมช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับดวงตา โดยเฉพาะในกรณีที่คุณรู้สึกตาแห้งจากการใช้งานหน้าจอหรือสภาพแวดล้อมที่มีอากาศแห้ง น้ำตาเทียมจะช่วยลดอาการระคายเคืองและทำให้ดวงตารู้สึกสบายขึ้น

พักผ่อนอย่างเพียงพอ

การพักผ่อนที่เพียงพอเป็นสิ่งสำคัญในการรักษาสุขภาพตาให้ดี การนอนหลับอย่างเต็มที่ช่วยให้ดวงตาฟื้นฟูและลดอาการตาล้า ควรตั้งเป้าหมายให้นอนหลับประมาณ 7-9 ชั่วโมงในทุกคืน

กินอาหารเสริมบำรุงสายตา

การรับประทานอาหารเสริมที่มีสารอาหารสำคัญ เช่น อาหารเสริมใบแปะก๊วย วิตามิน A, C, E, และแร่ธาตุ เช่น ซิงค์ สามารถช่วยบำรุงดวงตาและลดความเสี่ยงของปัญหาสายตาได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ การเลือกอาหารเสริมที่มีกรดไขมันโอเมก้า 3 ก็มีประโยชน์ต่อสุขภาพตา

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง อาหารเสริมโอเมก้า 3 จากแบรนด์ KLARITY ที่ออกแบบและผลิตในประเทศนอร์เวย์ เป็นตัวเลือกที่ดีเยี่ยมสำหรับการบำรุงสายตา โอเมก้า 3 มีส่วนช่วยลดการอักเสบในดวงตาและสนับสนุนการทำงานของระบบประสาท ซึ่งสามารถช่วยให้ดวงตาของคุณรู้สึกสบายตาและลดอาการตาล้าได้

ดูแลดวงตาของคุณให้ดีขึ้นวันนี้!
เลือกอาหารเสริมโอเมก้า 3 จาก KLARITY 

เพื่อสุขภาพตาที่ดีและการมองเห็นที่ชัดเจนขึ้น คลิกที่นี่เพื่อสั่งซื้อและเริ่มต้นการดูแลสุขภาพตาของคุณด้วยผลิตภัณฑ์คุณภาพสูงจาก KLARITY!

รีวิว อาหารเสริม Klarity

 

สรุป

ตาล้า อาการที่หลายคนพบเจอในชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะผู้ที่ใช้สายตาในการทำงานหรือจ้องหน้าจอเป็นเวลานาน การรู้จักสัญญาณและสาเหตุของตาล้าเป็นสิ่งสำคัญเพื่อป้องกันและรักษาสุขภาพดวงตาให้ดี อย่าปล่อยให้ปัญหาตาล้าเป็นอุปสรรคในการทำกิจกรรมของคุณ ดูแลสุขภาพตาอย่างเหมาะสมและรับประทานอาหารเสริมที่มีคุณภาพ เพื่อดวงตาที่แข็งแรงและการมองเห็นที่ชัดเจนในทุก ๆ วันไปพร้อมกับ KLARITY 

Article by

klarity asia