October 26, 2025
ออทิสติกเทียม (Virtual Autism) คืออะไร? ใครเสี่ยงเป็นบ้าง
“ออทิสติกเทียม” หรือ Virtual Autism เป็นภาวะที่เด็กมีพฤติกรรมคล้ายกับออทิสติกจริง (Autism Spectrum Disorder) แต่ไม่ได้เกิดจากความผิดปกติทางพันธุกรรมหรือสมอง สาดหตุหลักคาดว่ามาจาก การเลี้ยงดูที่ไม่เหมาะสมในยุคดิจิทัล โดยเฉพาะการให้เด็กใช้หน้าจอมากเกินไป หรือขาดการปฏิสัมพันธ์กับผู้คนในชีวิตจริง
เด็กที่อยู่กับโทรศัพท์หรือแท็บเล็ตตั้งแต่เล็ก มักไม่ได้รับการกระตุ้นพัฒนาการอย่างเหมาะสม ทำให้เกิดพฤติกรรมล่าช้า ไม่สบตา ไม่สนใจคนรอบข้าง และพูดช้า ซึ่งทั้งหมดนี้คือสัญญาณของ “ออทิสติกเทียม” ที่กำลังพบมากขึ้นในเด็กยุคปัจจุบัน
ลักษณะอาการ ออทิสติกเทียม (Virtual Autism)
เด็กที่มีภาวะออทิสติกเทียมจะมีพฤติกรรมบางอย่างที่คล้ายกับเด็กออทิสติกแท้ เช่น

- เรียกไม่หัน ไม่สบตา ไม่สนใจคนรอบข้าง
- พูดซ้ำ พูดเลียนเสียง แต่ไม่เข้าใจความหมายของคำ
- สนใจจอมากกว่าคน เช่น ชอบดูคลิปซ้ำ ๆ หรือเล่นแอปเดิม ๆ
- เล่นของเล่นแบบซ้ำ ๆ ไม่รู้จักจินตนาการหรือเล่นบทบาทสมมติ
- ไม่มีปฏิสัมพันธ์กับเพื่อนวัยเดียวกัน ชอบอยู่คนเดียวมากกว่า
- พฤติกรรมไม่ยืดหยุ่น เช่น ต้องทำกิจวัตรแบบเดิมซ้ำ ๆ ทุกวัน
หากพ่อแม่สังเกตเห็นอาการเหล่านี้ ควรรีบลดเวลาใช้หน้าจอ และเพิ่มการพูดคุย เล่น หรืออ่านนิทานร่วมกับลูก เพื่อกระตุ้นให้เกิดพัฒนาการตามวัย
กลุ่มเสี่ยงต่อการเป็นโรคออทิสติกเทียม
แม้เด็กทุกคนจะมีโอกาสเกิดภาวะออทิสติกเทียมได้ หากได้รับการเลี้ยงดูที่ไม่เหมาะสม แต่มีกลุ่มเสี่ยงหลัก ที่ควรระมัดระวังเป็นพิเศษ ได้แก่

- เด็กเล็กอายุต่ำกว่า 3 ปี ที่ได้รับอนุญาตให้ใช้โทรศัพท์ แท็บเล็ต หรือดูทีวีนานกว่า 1 ชั่วโมงต่อวัน
- เด็กที่พ่อแม่ไม่มีเวลาเล่นหรือพูดคุยด้วยบ่อย เนื่องจากขาดการกระตุ้นทางภาษาและอารมณ์
- เด็กที่ถูกปล่อยให้อยู่กับหน้าจอแทนของเล่นหรือเพื่อนวัยเดียวกัน ทำให้ไม่รู้จักการสื่อสารหรือเล่นร่วมกับผู้อื่น
- เด็กที่อยู่ในสภาพแวดล้อมปิด ไม่ค่อยได้ออกไปสัมผัสธรรมชาติหรือเรียนรู้จากโลกจริง
- เด็กในครอบครัวยุคดิจิทัล ที่ผู้ปกครองใช้เทคโนโลยีในการกล่อมลูก เช่น เปิดวิดีโอให้ดูตอนกินข้าว หรือตอนก่อนนอน
พฤติกรรมเหล่านี้อาจดูเล็กน้อยในตอนแรก แต่หากเกิดซ้ำเป็นเวลานาน จะส่งผลต่อพัฒนาการด้านภาษา สังคม และอารมณ์ของเด็ก จนนำไปสู่ภาวะ “ออทิสติกเทียม” ได้
ออทิสติกเทียมในวัยผู้ใหญ่
แม้อาการของ “ออทิสติกเทียม” มักเกิดขึ้นในวัยเด็ก แต่ในปัจจุบันพบว่า ผู้ใหญ่จำนวนไม่น้อยก็มีพฤติกรรมบางอย่างคล้ายออทิสติกเทียมเช่นกัน โดยเฉพาะในยุคที่เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันมากเกินไป

พฤติกรรมที่พบได้ในผู้ใหญ่ที่มีแนวโน้มออทิสติกเทียม ได้แก่:
- หมกมุ่นอยู่กับโทรศัพท์หรือคอมพิวเตอร์นานหลายชั่วโมงต่อวัน
- ไม่ชอบเข้าสังคมหรือรู้สึกอึดอัดเมื่อต้องพบปะผู้คน
- ขาดทักษะในการสื่อสารหรือเข้าใจอารมณ์ของผู้อื่น
- พูดคุยน้อย ชอบอยู่ในโลกส่วนตัว
- มีพฤติกรรมซ้ำ ๆ หรือติดกิจวัตรบางอย่างมากเกินไป
สาเหตุส่วนใหญ่มาจาก การขาดปฏิสัมพันธ์ทางสังคมในระยะยาว และการใช้เทคโนโลยีแทนการสื่อสารกับคนจริง ๆ ทำให้สมองส่วนที่เกี่ยวข้องกับอารมณ์และการเข้าสังคมไม่ได้รับการกระตุ้นเท่าที่ควร
DHA และ EPA มีผลต่อการป้องกันออทิสติกเทียมไหม
แม้ว่า “ออทิสติกเทียม” จะไม่ได้เกิดจากพันธุกรรม แต่สิ่งหนึ่งที่มีผลอย่างมากต่อสมองในทุกช่วงวัย คือ “โภชนาการ” โดยเฉพาะกรดไขมันจำเป็นอย่าง DHA (Docosahexaenoic Acid) และ EPA (Eicosapentaenoic Acid) ซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญของกรดไขมันโอเมก้า-3 ที่จำเป็นต่อการทำงานของสมองและระบบประสาท
งานวิจัยจำนวนมากพบว่า DHA และ EPA มีบทบาทสำคัญในการ:
- สร้างและซ่อมแซมเซลล์สมอง รวมถึงเชื่อมต่อระหว่างเซลล์ประสาท
- เสริมสมาธิ การจดจำ และการเรียนรู้ในทุกช่วงวัย
- ช่วยให้สมองมีความยืดหยุ่นทางอารมณ์ และลดความเครียดจากสิ่งเร้าในยุคดิจิทัล
- สนับสนุนการทำงานของตาและระบบประสาทให้สอดคล้องกัน
นั่นหมายความว่า ไม่เพียงแต่เด็กเท่านั้นที่ต้องการโอเมก้า-3
แต่ผู้ใหญ่ที่ใช้ชีวิตท่ามกลางเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง หรือมีพฤติกรรมคล้ายออทิสติกเทียม เช่น หมกมุ่นอยู่กับหน้าจอ ขาดสมาธิ หรือไม่ค่อยเข้าสังคม ก็สามารถได้รับประโยชน์จาก DHA และ EPA เช่นเดียวกัน
👉 แนะนำผลิตภัณฑ์จาก KLARITY

-
KLARITY Omega-3 Norway Daily
เสริมสมองและสายตา เหมาะสำหรับทุกวัย โดยเฉพาะผู้ที่ใช้สายตาหนักในแต่ละวัน เช่น นักเรียน นักศึกษา และวัยทำงานที่อยู่หน้าจอนาน ๆ

-
KLARITY Omega-3 Norway Ultra + Astaxanthin
สูตรเข้มข้น ผสานพลังสารต้านอนุมูลอิสระ Astaxanthin จากสาหร่ายแดง ช่วยปกป้องเซลล์สมองจากความเครียดออกซิเดชัน และส่งเสริมสุขภาพสมองในระยะยาว
ทั้งสองสูตรผลิตและออกแบบจากประเทศนอร์เวย์ แหล่งโอเมก้า-3 ที่ได้รับการยอมรับว่าบริสุทธิ์ มีคุณภาพสูง และผ่านมาตรฐานความปลอดภัยระดับสากล เพื่อดูแลสมองของคุณในทุกช่วงวัย ให้พร้อมรับมือกับโลกดิจิทัลได้อย่างสมดุลและมีสุขภาพดีจากภายใน
สรุป
ออทิสติกเทียม (Virtual Autism) คือผลจากการเลี้ยงดูที่เด็กขาดการกระตุ้นพัฒนาการ โดยเฉพาะเมื่อใช้หน้าจอมากเกินไป การปรับพฤติกรรมของพ่อแม่ เช่น การพูดคุย เล่น หรืออ่านหนังสือให้ลูกฟัง เป็นสิ่งสำคัญในการฟื้นฟูพัฒนาการ
นอกจากนี้ การดูแลโภชนาการให้สมองแข็งแรงด้วยกรดไขมันโอเมก้า-3 อย่าง KLARITY Omega-3 Norway Daily และ KLARITY Omega-3 Norway Ultra + Astaxanthin ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการเสริมสร้างพื้นฐานสมองที่ดี