May 26, 2025

สมองเสื่อมมีกี่ระยะ? รู้ทันอาการก่อนสาย

สมองเสื่อมมีกี่ระยะ? รู้ทันอาการก่อนสาย

ภาวะสมองเสื่อม (Dementia) ถือเป็นปัญหาทางสุขภาพที่พบได้บ่อยในผู้สูงอายุ โดยเฉพาะเมื่อเข้าสู่วัย 60 ปีขึ้นไป การเสื่อมถอยของสมองไม่ได้ส่งผลเพียงแค่เรื่องความจำเท่านั้น แต่ยังรบกวนกระบวนการคิด การสื่อสาร การตัดสินใจ ตลอดจนพฤติกรรมและอารมณ์ของผู้ป่วยด้วย

หนึ่งในความเข้าใจผิดที่พบบ่อยคือการมองว่า “ขี้ลืมตามวัย” เป็นเรื่องธรรมดา และมักละเลยอาการเบื้องต้นของภาวะสมองเสื่อม การรู้เท่าทันแต่เนิ่น ๆ จึงมีความสำคัญอย่างมาก เพราะหากได้รับการดูแลหรือรักษาตั้งแต่ระยะเริ่มต้น จะช่วยชะลอการเสื่อมของสมองและรักษาคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยได้นานขึ้น

สมองเสื่อมคืออะไร?

ภาวะสมองเสื่อม (Dementia) เป็นกลุ่มอาการที่เกิดจากการทำงานของสมองผิดปกติ โดยมักค่อย ๆ แสดงอาการอย่างช้า ๆ และมีแนวโน้มแย่ลงตามเวลา โรคที่เป็นสาเหตุของสมองเสื่อมที่พบบ่อยที่สุดคือ โรคอัลไซเมอร์ (Alzheimer's disease) คิดเป็นประมาณ 60–70% ของผู้ป่วยทั้งหมด

ภาวะสมองเสื่อมอาจทำให้ผู้ป่วยสูญเสียความสามารถในการใช้ชีวิตประจำวันด้วยตนเอง และในระยะท้ายอาจต้องพึ่งพาการดูแลจากผู้อื่นอย่างเต็มที่

สมองเสื่อมมีกี่ระยะ?

ภาวะสมองเสื่อมสามารถแบ่งออกได้เป็น 3 ระยะหลัก โดยในแต่ละระยะจะมีความรุนแรงของอาการที่แตกต่างกัน การสังเกตอาการในแต่ละช่วงอย่างละเอียดจะช่วยให้สามารถวางแผนการดูแลได้อย่างเหมาะสม

ระยะที่ 1: ระยะเริ่มต้น (Mild)

ในระยะแรกของสมองเสื่อม ผู้ป่วยอาจเริ่มแสดงอาการที่ไม่ชัดเจนและสังเกตได้ยาก อาการส่วนใหญ่จะเกี่ยวข้องกับความจำระยะสั้น เช่น ลืมสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้น หรือวางของผิดที่บ่อยครั้ง

สมองเสื่อมมีกี่ระยะ

อาการที่พบได้ในระยะเริ่มต้น ได้แก่

  • ลืมเหตุการณ์หรือข้อมูลที่เพิ่งได้รับ
  • เริ่มมีความสับสนเกี่ยวกับวัน เวลา หรือสถานที่
  • มีปัญหาในการหาคำพูด หรือการเรียบเรียงประโยค
  • หลีกเลี่ยงกิจกรรมทางสังคมหรือกิจกรรมที่เคยชื่นชอบ
  • เริ่มมีการตัดสินใจที่ไม่เหมาะสม

แม้อาการในระยะนี้จะยังไม่รุนแรง แต่ก็มักเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญในการเข้ารับการตรวจวินิจฉัยโดยแพทย์เฉพาะทางด้านระบบประสาท

การดูแลในระยะนี้:
ควรเน้นการกระตุ้นสมอง เช่น การอ่านหนังสือ ฝึกสมาธิ หรือการออกกำลังกายสมอง และที่สำคัญคือการดูแลระบบไหลเวียนเลือดไปเลี้ยงสมอง

📌 ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่แนะนำในระยะนี้ ได้แก่
KLARITY Japan Ginkgo Biloba – สารสกัดจากใบแปะก๊วยสายพันธุ์ญี่ปุ่น ที่มีส่วนช่วยส่งเสริมการไหลเวียนโลหิตไปยังสมอง เพิ่มการรับออกซิเจนในสมอง เหมาะกับผู้ที่เริ่มมีปัญหาความจำหรือรู้สึกสมองไม่ปลอดโปร่ง 

ระยะที่ 2: ระยะกลาง (Moderate)

เมื่อโรคดำเนินต่อไป ผู้ป่วยจะเข้าสู่ระยะกลางซึ่งมีอาการชัดเจนและส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวันมากขึ้น ความสามารถในการคิดและใช้เหตุผลลดลง การดูแลตนเองเริ่มมีข้อจำกัด

อาการสมองเสื่อม ระยะกลาง

อาการที่พบได้ในระยะกลาง ได้แก่

  • สูญเสียความสามารถในการจดจำข้อมูลระยะยาว
  • สับสนเรื่องบุคคล สถานที่ และเวลา
  • มีพฤติกรรมเปลี่ยนแปลง เช่น หงุดหงิด สงสัย หรือวิตกกังวล
  • ทำกิจกรรมประจำวันได้ยากขึ้น เช่น การแต่งตัวหรือเตรียมอาหาร
  • มีแนวโน้มเดินหลงทาง แม้ในสถานที่คุ้นเคย

ในระยะนี้ ผู้ป่วยมักต้องการผู้ดูแลคอยช่วยเหลือ และควรได้รับการดูแลด้านจิตใจและสิ่งแวดล้อมเพื่อป้องกันอุบัติเหตุ

การดูแลในระยะนี้:
ควรมีผู้ดูแลอย่างใกล้ชิด และเริ่มวางแผนด้านโภชนาการและการดูแลระยะยาว โดยเฉพาะอาหารที่มีกรดไขมันดี เช่น โอเมก้า-3 ซึ่งมีบทบาทในการชะลอการอักเสบและส่งเสริมการทำงานของระบบประสาท

📌 แนะนำผลิตภัณฑ์:
KLARITY Omega-3 Norway Daily – น้ำมันปลาเกรดพรีเมียมนำเข้าจากนอร์เวย์ มี DHA และ EPA เข้มข้น ซึ่งมีส่วนช่วยบำรุงสมอง ลดภาวะการอักเสบของเซลล์สมอง และช่วยสนับสนุนสุขภาพหัวใจ ซึ่งสัมพันธ์โดยตรงกับสุขภาพสมองในระยะยาว

ระยะที่ 3: ระยะรุนแรง (Severe)

ระยะรุนแรงเป็นระยะท้ายของภาวะสมองเสื่อม ซึ่งผู้ป่วยมักไม่สามารถดำรงชีวิตได้ด้วยตนเอง อวัยวะหลายระบบอาจเริ่มเสื่อมลง และมีความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ

สมองเสื่อม ระยะรุนแรง

อาการที่พบได้ในระยะรุนแรง ได้แก่

  • จำไม่ได้แม้กระทั่งคนในครอบครัว
  • สูญเสียความสามารถในการพูดหรือสื่อสาร
  • ไม่สามารถควบคุมการเคลื่อนไหวหรือการกลืนอาหารได้
  • กลั้นปัสสาวะหรืออุจจาระไม่ได้
  • นอนติดเตียง และเสี่ยงต่อแผลกดทับหรือติดเชื้อ

การดูแลในระยะนี้:

การดูแลในระยะนี้ควรมุ่งเน้นการพยุงคุณภาพชีวิต และให้การดูแลแบบประคับประคอง (palliative care) ตามคำแนะนำของแพทย์

สัญญาณเตือนของภาวะสมองเสื่อมที่ควรสังเกต

อาการต่อไปนี้อาจเป็นสัญญาณเบื้องต้นของภาวะสมองเสื่อม หากพบมากกว่าหนึ่งข้อและเกิดขึ้นบ่อย ควรพาผู้ที่มีอาการไปพบแพทย์เพื่อการประเมินเพิ่มเติม

  • ลืมข้อมูลที่เพิ่งเรียนรู้
  • มีปัญหาในการทำกิจกรรมที่คุ้นเคย
  • สับสนเรื่องวัน เวลา หรือสถานที่
  • มีปัญหาในการใช้ภาษา เช่น ใช้คำไม่ถูกหรือเรียกชื่อสิ่งของผิด
  • หลีกเลี่ยงการเข้าสังคมหรือกิจกรรม
  • มีอารมณ์แปรปรวน หรือเปลี่ยนพฤติกรรมโดยไม่ทราบสาเหตุ

สรุป

ภาวะสมองเสื่อมเป็นความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นได้ตามวัย แต่สามารถเฝ้าระวังและชะลอได้หากมีการดูแลสุขภาพที่เหมาะสมในทุกช่วงอายุ การรู้ทันอาการในแต่ละระยะ การตรวจเช็กสม่ำเสมอ และการเลือกดูแลสุขภาพสมองอย่างรอบด้าน ถือเป็นกุญแจสำคัญในการมีคุณภาพชีวิตที่ดีในระยะยาว

อ้างอิง:

  1. Alzheimer’s Association. (2024). 10 Early Signs and Symptoms of Alzheimer’s Disease.
  2. World Health Organization (WHO). (2023). Dementia Fact Sheet.
  3. Mayo Clinic. (2024). Dementia: Symptoms and Causes.

Article by

klarity asia