September 27, 2025
แอสต้าแซนทีน ควรกินกี่มิลลิกรัมต่อวัน? เลือกปริมาณที่เหมาะสมตามนี้

หลายคนคงเคยได้ยินชื่อ “แอสต้าแซนทีน” (Astaxanthin) ว่าเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่แรงกว่าวิตามินซีหลายพันเท่า จนกลายเป็นตัวท็อปในวงการอาหารเสริมเพื่อสุขภาพและความงาม แต่พอจะซื้อมาทานจริง ๆ ก็มักจะมีคำถามว่า ตกลงแล้วแอสต้าแซนทีน ควรกินกี่มิลลิกรัมต่อวัน? ถึงจะได้ผลลัพธ์ที่ดี ในบทความนี้ KLARITY มีคำตอบ
แอสต้าแซนทีนควรกินวันละเท่าไหร่
จากคำแนะนำของแพทย์ด้านเวชศาสตร์ชะลอวัย ส่วนใหญ่จะแนะนำให้เสริมด้วนแอสตาแซนธินที่ 4–8 มก./วัน ซึ่งถือว่าเป็นปริมาณที่เหมาะสมสำหรับการบำรุงร่างกายทั่วไป เช่น ผิวพรรณ สายตา หรือสมอง แต่ถ้าใครต้องการดูแลแบบเฉพาะทาง เช่น ปัญหาสายตาอ่อนล้า สมองเริ่มเบลอง่าย ข้อต่อไม่ดี หรือการอักเสบต่าง ๆ สามารถทานได้ถึง 12 มก./วัน แต่ควรอยู่ภายใต้การดูแลของผู้เชี่ยวชาญ
💡 เคล็ดลับ: แอสต้าแซนทีนเป็นสารที่ละลายในไขมัน เพราะฉะนั้นการทานคู่กับอาหารที่มีไขมันดี เช่น น้ำมันปลา อะโวคาโด หรือถั่ว จะช่วยให้ร่างกายดูดซึมได้ดีกว่าการทานเปล่า ๆ
เหตุผลที่แอสต้าแซนทีนถึงถูกเรียกว่า “ราชาแห่งสารต้านอนุมูลอิสระ”

แอสต้าแซนทีน เป็นสารในกลุ่มแคโรทีนอยด์ที่ทำให้ปลาแซลมอนและอาหารทะเล เช่น สาหร่ายสีแดง ถ้าเทียบกับสารอาหารและวิตามินที่เราคุ้นเคย แอสต้าแซนทีนถือว่ามีพลังในการต้านอนุมูลอิสระสูงกว่าอย่างชัดเจน
สารต้านอนุมูลอิสระ | แอสต้าแซนทีนมากกว่า |
วิตามินซี | 6,000 เท่า |
โคเอนไซม์ Q10 | 800 เท่า |
วิตามินอี | 550 เท่า |
ชาเขียว | 550 เท่า |
เบต้าแคโรทีน | 40 เท่า |
สารสกัดเมล็ดองุ่น | 17 เท่า |
นั่นหมายความว่า แอสต้าแซนทีนไม่ได้แค่ “แรง” กว่า แต่ยังอยู่ในร่างกายได้นานกว่า ช่วยปกป้องเซลล์จากความเสียหายได้ต่อเนื่องกว่าสารอาหารหลายชนิด
แอสต้าแซนทีน กินมากไปส่งผลเสียหรือไม่?
แม้ว่าแอสต้าแซนทีนจะจัดเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีความปลอดภัยสูง และมีงานวิจัยยืนยันว่าร่างกายสามารถรับได้ค่อนข้างดี แต่การทานในปริมาณที่มากเกินไปก็อาจทำให้เกิดผลข้างเคียงได้เช่นกัน
อาการที่อาจพบเมื่อทานมากเกินไป
ผลข้างเคียงที่พบจากงานวิจัย
- ผิวออกสีส้ม/แดงเล็กน้อย เนื่องจากแอสต้าแซนทีนเป็นสารในกลุ่มแคโรทีนอยด์ (คล้ายกับการกินแครอทเยอะจนตัวออกสีส้ม)
- อุจจาระเปลี่ยนเป็นสีแดงหรือส้ม ซึ่งเป็นเรื่องปกติจากสีของตัวสารเอง
- ปัญหาระบบทางเดินอาหาร เช่น ปวดท้อง คลื่นไส้ โดยเฉพาะเมื่อใช้ขนาดสูง
- เพิ่มการขับถ่าย แต่ไม่ถือว่าเป็นปัญหาร้ายแรง
ดังนั้นการทานในช่วง 4–8 มก./วัน จึงถือว่าเป็นปริมาณที่เหมาะสมและปลอดภัยที่สุดสำหรับคนทั่วไป และหากต้องการเพิ่มปริมาณ ควรอยู่ภายใต้คำแนะนำของแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพ
สำหรับผู้ที่สงสัยเพิ่มว่าวิธีกินที่ถูกต้องทำแบบไหน สามารถอ่านบทความนี้ได้ที่ Astaxanthin กินตอนไหน
KLARITY Omega-3 Norway Ultra + Astaxanthin
ผลิตภัณฑ์นี้ถือเป็น หนึ่งในคำตอบของคนรุ่นใหม่ที่อยากได้ทั้งสุขภาพสมองดีในหนึ่งเดียว เพราะให้ความใส่ใจตั้งแต่แหล่งวัตถุดิบจนถึงกระบวนการผลิต

-
ปลาแซลมอนจากทะเลลึกนอร์เวย์
ได้ชื่อว่าเป็นแหล่งน้ำสะอาดที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ทำให้ได้ Omega-3 ที่มีความบริสุทธิ์สูง มีสัดส่วน EPA และ DHA ที่เหมาะสมสำหรับการบำรุงสมอง หัวใจ และระบบไหลเวียนเลือด -
Astaxanthin จากสาหร่าย Haematococcus pluvialis
เป็นสาหร่ายที่ขึ้นชื่อเรื่องความเข้มข้นของแอสต้าแซนทีนตามธรรมชาติ ไม่ใช่การสังเคราะห์ ทำให้มั่นใจได้ว่าปลอดภัยและได้คุณค่าครบถ้วน -
สูตรผสมที่คิดมาเพื่อการดูดซึมที่ดียิ่งขึ้น
เมื่อ Omega-3 และ Astaxanthin ถูกนำมารวมกัน จะช่วยให้ร่างกายดูดซึมได้เต็มประสิทธิภาพ อีกทั้งยังเสริมการทำงานซึ่งกันและกัน -
เหมาะกับคนที่ต้องการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม
ไม่ว่าจะเป็นการบำรุงสมอง ผิวพรรณ สายตา หรือระบบหัวใจและหลอดเลือด ก็ได้ครบจบในแคปซูลเดียว -
ปริมาณแอสตาแซนธินที่เหมาะสมต่อวัน
เพื่อให้ง่ายต่อการบำรุงสมองในทุกวัน KLARITY Omega-3 Norway Ultra + Astaxanthin ได้ออกแบบสูตรให้สอดคล้องกับทุกคนนี้ ทำให้ผู้บริโภคมั่นใจได้ว่า ได้รับปริมาณที่เพียงพอ ปลอดภัย และเห็นผลจริง โดยไม่ต้องกังวลว่าทานเกินความจำเป็น
สรุป
แอสต้าแซนทีน ควรกินประมาณ 4–8 มก./วัน เพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุด ทั้งด้านผิวพรรณ สายตา สมอง และการชะลอวัย และเมื่อทานร่วมกับ Omega-3 จะช่วยเพิ่มการดูดซึมและเสริมฤทธิ์การทำงานได้อย่างครบถ้วน
อ้างอิงจาก
- https://pmc.ncbi.nlm.nih.gov/articles/PMC9655540/
- https://www.lifeextension.com/wellness/antioxidants/astaxanthin-vs-coq10
- https://www.sciencedirect.com/topics/medicine-and-dentistry/astaxanthin