July 17, 2024
โอเมก้า 3 คืออะไร? ช่วยอะไรบ้าง? หากขาดไปส่งผลเสียมากกว่าที่คิด
โอเมก้า 3 (Omega3) หนึ่งในกรดไขมันมีความสำคัญอย่างมากสำหรับการทำงานของสมอง ระบบประสาท และการเจริญเติบโตของร่างกาย เป็นที่รู้จักกันดีว่าการได้รับโอเมก้าในปริมาณที่เพียงพอ ช่วยลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจและหลอดเลือด และเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายอีกด้วย
ดังนั้นการรักษาความสมดุลของ Omega 3 ในร่างกายจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง ไม่ว่าจะผ่านการบริโภคอาหารที่เป็นแหล่งของโอเมก้า 3 เช่น ปลาที่มีไขมันสูง ถั่วเมล็ด หรือน้ำมันพืช หรือจะการใช้เสริมอาหารโอเมก้า 3 ในบทความนี้ KLARITY จะพาคุณไปทำความรู้จักกับกรดไขมันชนิดนี้ให้ดีมากยิ่งขึ้น
Omega 3 คืออะไร?
โอเมก้า 3 (Omega-3) คือกรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อนที่จำเป็นต่อร่างกาย ซึ่งร่างกายไม่สามารถสร้างขึ้นเองได้ จำเป็นต้องได้รับจากการบริโภคอาหาร Omega 3 แบ่งออกเป็น 3 ประเภทหลัก ๆ คือ EPA DHA และ ALA โดยทั่วไปแล้วแนะนำให้รับประทานโอเมก้าจากอาหารทะเลเป็นประจำ เพราะร่างกายสามารถดูดซึม EPA และ DHA ได้ดีกว่า ALA
สารอาหารนี้จึงมีบทบาทสำคัญในการทำงานของเซลล์ การลดการอักเสบ การเสริมสร้างการทำงานของสมองและระบบประสาท ดูแลสุขภาพหัวใจและหลอดเลือด การบริโภค Omega 3 อย่างเพียงพอจึงมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการรักษาสุขภาพร่างกายโดยรวม
กรดไขมันโอเมก้า 3 มีกี่ประเภท?
กรดไขมันโอเมก้า 3 แบ่งออกเป็น 3 ประเภทหลัก ดังนี้:
- EPA (Eicosapentaenoic Acid): พบมากในปลาทะเลน้ำลึก เช่น ปลาแซลมอน ปลาทูน่า และปลาแมคเคอเรล EPA มีบทบาทสำคัญในการลดการอักเสบและช่วยป้องกันโรคหัวใจ
- DHA (Docosahexaenoic Acid): พบในปลาทะเลน้ำลึกเช่นกัน DHA เป็นส่วนประกอบสำคัญของสมองและจอตา ช่วยในการพัฒนาการทางสมองและระบบประสาท โดยเฉพาะในทารกและเด็กเล็ก
- ALA (Alpha-Linolenic Acid): พบในพืชบางชนิด เช่น เมล็ดแฟลกซ์ เมล็ดเจีย และวอลนัท ร่างกายสามารถแปลง ALA เป็น EPA และ DHA ได้บ้าง แต่ในปริมาณที่น้อยกว่าที่พบในปลาทะเล
กรดไขมันโอเมก้า 3 ทำงานอย่างไรต่อร่างกาย?
เมื่อบริโภคอาหารที่มีโอเมก้า 3 เข้าไปร่างกายจะนำ Omega 3 ไปใช้ในการสร้างเยื่อหุ้มเซลล์ที่มีความยืดหยุ่นและมีประสิทธิภาพสูง นอกจากนี้โอเมก้ายังมีบทบาทในการผลิตสารโปรสตาแกลนดินส์ (prostaglandins) ซึ่งเป็นสารเคมีที่มีบทบาทในการควบคุมการอักเสบและการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน
การรักษาสมดุลของโอเมก้า 3 ในร่างกายเป็นสิ่งสำคัญเพื่อประโยชน์ต่อสุขภาพโดยรวม การบริโภคอาหารที่มีโอเมก้า เช่น ปลาทะเลน้ำลึก ถั่วเมล็ด และน้ำมันพืชเป็นวิธีที่ดีในการเสริมสารอาหารนี้ให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย
Omega 3 ช่วยอะไรบ้าง
Omega 3 ช่วยอะไรบ้าง? ถือเป็นอีกสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายหลากหลายด้าน อาทิ
- ช่วยพัฒนาการเรียนรู้ ความจำ และการมองเห็น โอเมก้า 3 เป็นส่วนประกอบสำคัญของสมองและดวงตา ช่วยพัฒนาการเรียนรู้ ความจำ และการมองเห็น
- ช่วยลดความเสี่ยงของโรคอัลไซเมอร์ Omega 3 ช่วยปกป้องสมองจากความเสื่อมและลดความเสี่ยงของโรคอัลไซเมอร์
- ช่วยลดการอักเสบ ลดการผลิตสารอักเสบในร่างกาย
- ช่วยลดความดันโลหิต ช่วยให้หลอดเลือดขยายตัวและลดความดันโลหิต
- ช่วยลดไตรกลีเซอไรด์ ช่วยลดระดับไตรกลีเซอไรด์ในเลือด
- ช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจ ลดความเสี่ยงของโรคหัวใจและหลอดเลือดอุดตัน
- ช่วยบำรุงผิวพรรณ ช่วยให้ผิวพรรณชุ่มชื้นและยืดหยุ่น
โอเมก้า 3 6 9 แตกต่างกันอย่างไร
โอเมก้า 3 6 9 ล้วนเป็นกรดไขมันที่จำเป็นต่อร่างกาย แต่มีโครงสร้างและหน้าที่ที่แตกต่างกัน โอเมก้าช่วยลดการอักเสบและลดความเสี่ยงของโรคหัวใจ โอเมก้า 6 ควบคุมการอักเสบและระบบภูมิคุ้มกัน โอเมก้า 9 ช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจและบำรุงผิวพรรณ ซึ่งร่างกายต้องการโอเมก้า 3 และ 6 ในสัดส่วนที่เหมาะสม ควบคู่ไปกับการทานอาหารที่ครบถ้วนและออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
ร่างกายขาดโอเมก้า เสี่ยงต่อสมอง ส่งผลเสียระยะยาว
โอเมก้า 3 เป็นกรดไขมันจำเป็นที่มีบทบาทสำคัญต่อการทำงานของสมอง การขาดสารอาหารนี้จะส่งผลเสียต่อสมองทั้งในแง่ของการทำงาน ความสามารถทางปัญญา และสุขภาพจิต ควรทานอาหารที่มีโอเมก้าสูง หรือทานอาหารเสริมโอเมก้า 3 จาก KLARITY (คลาริตี้) เพื่อป้องกันผลเสียระยะยาว
เมื่อร่างกายขาดโอเมก้า 3 จะส่งผลเสียต่อสมองดังนี้
- ความสามารถในการเรียนรู้และความจำลดลง: จำเป็นต่อการสร้างเซลล์ประสาทใหม่และการเชื่อมต่อระหว่างเซลล์ประสาท ซึ่งมีความสำคัญต่อการเรียนรู้และความจำ
- อารมณ์แปรปรวน: มีส่วนช่วยในการควบคุมอารมณ์ การขาดโอเมก้าอาจทำให้เกิดภาวะซึมเศร้า วิตกกังวล และอารมณ์แปรปรวน
- ปัญหาพฤติกรรม: มีส่วนช่วยในการควบคุมพฤติกรรม ทำให้เกิดปัญหาสมาธิสั้น พฤติกรรมก้าวร้าว และปัญหาการเรียนรู้
- ความเสี่ยงของโรคสมองเสื่อมเพิ่มขึ้น: ช่วยปกป้องสมองจากความเสื่อม การขาดอาจทำให้เพิ่มความเสี่ยงของโรคอัลไซเมอร์และโรคพาร์กินสัน
- ความเสื่อมของสายตา: เป็นส่วนประกอบสำคัญของจอประสาทตา ทำให้เกิดโรคจอประสาทตาเสื่อม
ผลเสียระยะยาว
การขาดโอเมก้า 3 เรื้อรัง ส่งผลเสียต่อสมองทั้งในแง่ของการทำงาน ความสามารถทางปัญญา และสุขภาพจิต
กลุ่มเสี่ยง
- ผู้ที่ไม่ทานปลาทะเล ปลาทะเลน้ำเย็นเป็นแหล่งโอเมก้าที่ดีที่สุด
- กลุ่มผู้ที่เป็นมังสวิรัติ มังสวิรัติบางประเภทอาจได้รับโอเมก้าไม่เพียงพอ
- ผู้ที่มีปัญหาสุขภาพ โรคบางชนิด เช่น โรค Crohn โรคเบาหวาน และโรคไต อาจส่งผลต่อการดูดซึม
- ผู้สูงอายุ ร่างกายมีประสิทธิภาพในการดูดซึมโอเมก้าลดลงตามอายุ
อาการที่บ่งบอกว่าร่างกายขาด Omega 3
อาการที่บ่งบอกว่าร่างกายขาดโอเมก้า 3 สามารถสังเกตได้จากหลายด้าน ทั้งสุขภาพกายและสุขภาพจิต อาทิ ผิวแห้งระคายเคืองง่าย ผมร่วงและผมแห้ง เล็บเปราะและหักง่าย ตาแห้ง มองเห็นไม่ชัดเจน ปวดข้อต่ออักเสบ นอกจากนี้อาจมีปัญหาสุขภาพจิตรวมด้วย เช่น อารมณ์แปรปรวน มีอาการซึมเศร้าและวิตกกังวล ประสิทธิภาพการจำและการเรียนรู้ลดลง มีอาการหลงลืมง่าย
โอเมก้า 3 ได้จากอะไรบ้าง อาหารที่มี Omega 3 มีอะไรบ้าง?
โอเมก้า 3 สามารถหาได้จากอาหารหลายประเภท ทั้งจากสัตว์และพืช ปลาทะเลน้ำลึกและอาหารทะเลเป็นแหล่งที่ดีที่สุดของ DHA และ EPA ส่วนเมล็ดพืชและน้ำมันพืชเป็นแหล่งที่ดีของ ALA การบริโภคอาหารเหล่านี้อย่างเพียงพอจะช่วยให้ร่างกายได้รับ Omega 3 ในปริมาณที่เหมาะสมเพื่อสุขภาพที่ดี
ปลาทะเลน้ำลึก
- ปลาแซลมอน เป็นแหล่งที่อุดมไปด้วย DHA และ EPA
- ปลาทูน่า โดยเฉพาะทูน่าชนิดสดและกระป๋อง
- ปลาซาร์ดีน ปลาตัวเล็กที่มี Omega 3 สูง
น้ำมันปลา
- น้ำมันปลาที่สกัดจากปลาทะเลน้ำลึกเป็นแหล่งที่เข้มข้นของ DHA และ EPA
- สามารถทานเสริมอาหารได้ในรูปแบบแคปซูลหรือของเหลว
เมล็ดพืช
- เมล็ดแฟลกซ์ อุดมไปด้วย ALA (alpha-linolenic acid)
- เมล็ดเจีย มีปริมาณโอเมก้าสูง
อาหารเสริมโอเมก้า3 KLARITY โอเมก้า 3 นอร์เวย์คุณภาพสูง
KLARITY Omega-3 Norway เป็นอาหารเสริมโอเมก้า 3 ที่ผลิตจากปลาทะเลน้ำลึก ปริมาณ DHA, EPA สูง คิดค้นสูตรและผลิตในประเทศนอร์เวย์ ผ่านกระบวนการสกัดที่ทันสมัย ช่วยให้ได้โอเมก้าที่บริสุทธิ์ ปลอดภัย และมีประสิทธิภาพสูง อาหารเสริมมาในรูปแบบซอฟท์เจลขนาดเล็ก ทานง่าย เหมาะสำหรับทุกเพศทุกวัย
ด้วยเทคโนโลยีการผลิตชั้นสูง ทำให้ไม่มีกลิ่นคาว ปลอดภัยด้วยมาตรฐานการผลิตภายใต้มาตรฐาน GMP (Good Manufacturing Practice) และได้รับการรับรองคุณภาพจากองค์กรระดับสากล จึงมั่นใจได้ว่าร่างกายของคุณจะได้รับ Omega 3 ครบถ้วนในทุกวัน
รีวิว อาหารเสริม KLARITY Omega-3 Norway
ติดต่อสอบถาม หรือสั่งซื้อได้ที่
|
FAQs ตอบทุกข้อสงสัยเรื่องโอเมก้า 3
Q: ปริมาณโอเมก้า 3 ที่ร่างกายต้องการต่อวันเท่าไหร่?
A: ปริมาณโอเมก้า 3 ที่ร่างกายต้องการต่อวัน สำหรับคนทั่วไปอยู่ที่ 250 - 500 มิลลิกรัมต่อวัน ในส่วนของผู้หญิงที่ตั้งครรภ์ หรือให้นมบุตรควรทาน 300-400 มิลลิกรัมต่อวัน และสำหรับเด็กควรได้รับ Omega 3 60-250 มิลลิกรัมต่อวัน
Q: อาหารเสริมโอเมก้า 3 กินคู่กับอะไรดี?
A: อาหารเสริมโอเมก้าทานคู่กับอาหารที่มีไขมันดี จะช่วยเพิ่มการดูดซึมของโอเมก้าให้ดีขึ้น ตัวอย่างเช่น อะโวคาโด ถั่วต่าง ๆ และปลาทะเล
Q: กินอาหารเสริมโอเมก้า 3 ได้ตั้งแต่อายุเท่าไหร่?
A: เด็กอายุ 2 ปีขึ้นไปสามารถทานอาหารเสริมโอเมก้าสำหรับเด็กได้ เนื่องจากเป็นสารอาหารที่สำคัญต่อร่างกาย จึงไม่อันตราย แต่แนะนำให้เลือกแบรนด์ที่มีปริมาณที่เหมาะสมกับช่วงวัย
Q: Omega 3 ข้อเสียมีอะไรบ้าง หากกินมากเกินไป?
A: โอเมก้าเป็นกรดไขมันจำเป็นที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ แต่การทานโอเมก้ามากเกินไป อาจส่งผลข้างเคียง อาทิ ท้องเสีย คลื่นไส้ อาเจียน
สรุป
โอเมก้า 3 (Omega 3) ถือเป็นสารอาหารที่ไม่ว่าช่วงวัยไหนร่างกายก็ยังคงต้องการ ซึ่งการทานอาหารเพียงอย่างเดียวอาจไม่พอ การเลือกทานอาหารเสริม Omega 3 ควบคู่กับอาหารที่ดีต่อสุขภาพ จะยิ่งช่วยให้ร่างกายแข็งแรงพร้อมทำกิจกรรมต่าง ๆ ยิ่งขึ้น