April 21, 2025
PTSD อาการ สาเหตุ และวิธีเยียวยาภาวะสะเทือนใจ

เคยไหมที่รู้สึกว่าบางเหตุการณ์ในชีวิตตามหลอกหลอนคุณไม่เลิก? หลับตาทีก็เห็นภาพเหตุการณ์นั้นวนเวียน เสียงดังบางอย่างก็ทำให้สะดุ้งตกใจมากกว่าปกติ หรือแม้แต่ความฝันก็ยังไม่ปล่อยให้คุณได้พักใจ... นี่อาจเป็นสัญญาณของ PTSD หรือโรคเครียดภายหลังเหตุการณ์สะเทือนขวัญที่หลายคนอาจจะเผชิญอยู่โดยไม่รู้ตัว
ในปัจจุบัน คนไทยราว 1-2% กำลังเผชิญกับภาวะ PTSD อย่างเงียบ ๆ โดยเฉพาะผู้ที่เคยผ่านเหตุการณ์รุนแรง อุบัติเหตุ ภัยธรรมชาติ หรือการสูญเสียครั้งใหญ่ บทความนี้ KLARITY จะพาคุณไปทำความรู้จักกับ PTSD อาการต่าง ๆ ที่ควรสังเกต วิธีการเยียวยา และการดูแลตัวเองด้วยวิธีธรรมชาติที่ใคร ๆ ก็ทำได้
PTSD คืออะไร? ทำไมมันถึงเกิดขึ้น?
PTSD (Post-Traumatic Stress Disorder) หรือภาวะเครียดหลังเหตุการณ์สะเทือนขวัญ เป็นปฏิกิริยาทางจิตใจที่เกิดขึ้นหลังจากคนเราเผชิญหรือเห็นเหตุการณ์ที่รุนแรง น่ากลัว หรือสะเทือนใจอย่างมาก
ต่างจากความเครียดทั่วไปตรงที่ PTSD ไม่หายไปง่าย ๆ แม้เวลาจะผ่านไปนาน และมักจะส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวันอย่างมาก ทั้งการทำงาน การเข้าสังคม หรือแม้แต่การใช้ชีวิตร่วมกับคนที่รัก
อาการของ PTSD ที่ควรรู้จัก
การสังเกตอาการเป็นเรื่องสำคัญที่จะช่วยให้เรารับมือกับ PTSD ได้ทันท่วงที ลองมาดูกันว่ามีอาการอะไรบ้างที่เข้าข่าย

ภาพหลอนซ้ำและฝันร้าย
เหตุการณ์นั้นจะกลับมาหลอกหลอนคุณแบบไม่ทันตั้งตัว อาจเป็นภาพที่แวบเข้ามาในหัว (Flashbacks) หรือฝันร้ายที่ทำให้นอนไม่หลับ บางคนถึงขนาดรู้สึกเหมือนกำลังอยู่ในเหตุการณ์นั้นอีกครั้ง เหงื่อแตก หัวใจเต้นแรง หายใจลำบาก
พยายามหลีกหนีทุกอย่างที่เกี่ยวกับเหตุการณ์นั้น
คนที่มีอาการ PTSD มักจะพยายามหลีกเลี่ยงสถานที่ คนที่เกี่ยวข้อง หรือแม้แต่การพูดคุยถึงเหตุการณ์นั้น บางครั้งถึงขั้นไม่อยากออกจากบ้านเพราะกลัวจะเจอกับสิ่งที่กระตุ้นความทรงจำเลวร้าย
อารมณ์และความคิดเปลี่ยนไปในทางลบ
อาการ PTSD ทำให้คนมองโลกในแง่ร้าย รู้สึกผิด โทษตัวเอง หรือคิดว่าตัวเองไม่มีค่า บางคนถึงขั้นรู้สึกชาด้านอารมณ์ ไม่สามารถมีความสุขกับสิ่งที่เคยชอบได้อีกต่อไป
ระแวดระวังตัวตลอดเวลา
ร่างกายจะอยู่ในภาวะตื่นตัวสูง สะดุ้งง่าย เครียดบ่อย นอนไม่หลับ หงุดหงิดและโกรธง่าย หรือมีอาการทางกายเช่นปวดหัว ปวดท้อง คลื่นไส้บ่อย ๆ โดยไม่มีสาเหตุทางร่างกายชัดเจน
หากคุณมีอาการเหล่านี้อย่างต่อเนื่องนานกว่า 1 เดือนหลังเหตุการณ์สะเทือนใจ และอาการรบกวนการใช้ชีวิตประจำวัน นี่อาจเป็นสัญญาณของภาวะ PTSD ที่ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ
สาเหตุและปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิด PTSD
ไม่ใช่ทุกคนที่เจอเหตุการณ์รุนแรงแล้วจะเป็น PTSD แต่มีปัจจัยบางอย่างที่อาจเพิ่มความเสี่ยง เช่น
- ประสบเหตุการณ์รุนแรงโดยตรง เช่น อุบัติเหตุ ภัยพิบัติ การถูกทำร้าย หรือการสูญเสียคนที่รัก
- มีประวัติปัญหาสุขภาพจิตมาก่อน
- ขาดระบบสนับสนุนทางสังคมหลังเกิดเหตุการณ์
- มีความเครียดสะสมอยู่แล้วในชีวิต
- มีประวัติบาดแผลทางใจในวัยเด็ก
ในแง่กลไกทางร่างกาย PTSD เกิดจากการที่สมองส่วนอมิกดาลา (ศูนย์กลางอารมณ์และความกลัว) ทำงานมากเกินไป ขณะที่สมองส่วนฮิปโปแคมปัสที่ควบคุมความทรงจำและการเรียนรู้กลับทำงานลดลง ทำให้ความทรงจำเลวร้ายถูกเก็บไว้ในรูปแบบที่ไม่สมบูรณ์และกลับมารบกวนจิตใจได้บ่อย ๆ
วิธีดูแลตัวเอง รับมือเมื่อมีอาการ PTSD
การเผชิญกับ PTSD อาจเปรียบเสมือนการต่อสู้กับพายุที่มองไม่เห็น คุณไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่ความทรงจำเลวร้ายจะกลับมาหลอกหลอน หรือเมื่อไหร่ที่อาการจะกำเริบ แต่สิ่งสำคัญคือคุณมีพลังในการควบคุมและจัดการกับอาการเหล่านี้ได้มากกว่าที่คิด
การดูแลตัวเองไม่ใช่เพียงการ "รักษา" แต่เป็นการสร้าง "ภูมิคุ้มกัน" ให้จิตใจแข็งแรงขึ้น เหมือนการสร้างเกราะป้องกันตัวเองจากภายใน วิธีการต่อไปนี้อาจดูเรียบง่าย แต่ผลลัพธ์ที่ได้มีส่วนช่วยได้มาก หากทำอย่างต่อเนื่องและจริงจัง ลองมาดูกันว่าคุณจะเริ่มต้นดูแลตัวเองได้อย่างไรบ้าง

1. สร้างกิจวัตรประจำวันที่ให้ความรู้สึกปลอดภัย มั่นคง
การมีตารางชีวิตที่แน่นอนช่วยให้รู้สึกปลอดภัยและมีการควบคุม ตั้งแต่เวลาตื่นนอน ทานอาหาร ออกกำลังกาย และพักผ่อน
2. ฝึกเทคนิคผ่อนคลายความเครียด
การหายใจลึก ๆ ช้า ๆ การทำสมาธิแบบไมนด์ฟูลเนส รวมทั้งโยคะหรือไทชิสำหรับผ่อนคลายทั้งกายและใจ วิธีเหล่านี้ต่างช่วยลดความเครียด ความวิตกกังวล ช่วยให้คุณรับมือกับอาการ PTSD ได้ดียิ่งขึ้น
3. เคลื่อนไหวร่างกาย
การออกกำลังกายช่วยลดฮอร์โมนความเครียดและเพิ่มสารเคมีแห่งความสุขในสมอง แม้แต่การเดินเล่นในสวนหรือการเต้นในห้องก็ช่วยได้มาก
4. พึ่งพาคนรอบข้าง
อย่าเก็บทุกอย่างไว้คนเดียว การพูดคุยกับคนที่ไว้ใจได้จะช่วยบรรเทาความทุกข์ได้มาก หรืออาจเข้าร่วมกลุ่มช่วยเหลือสำหรับผู้ที่มีประสบการณ์คล้ายกัน
5. ดูแลเรื่องโภชนาการ
"คุณคือสิ่งที่คุณกิน" ไม่ใช่แค่คำพูดเท่านั้น แต่เป็นความจริงที่สำคัญมากสำหรับผู้ที่มีอาการ PTSD อาหารที่เรากินส่งผลโดยตรงต่อการทำงานของสมอง เคมีในสมอง และความสามารถในการจัดการกับความเครีย การทานอาหารต้านการอักเสบและอุดมด้วยสารอาหารที่สมองต้องการจึงเป็นกุญแจสำคัญในการฟื้นฟูสมอง
อาหารเสริมที่ช่วยเยียวยาอาการ PTSD
ปัจจุบันมีการศึกษาที่น่าสนใจเกี่ยวกับผลของโภชนาการต่อสุขภาพจิต โดยเฉพาะสารอาหารบางชนิดส่งผลดีต่อสมองและเยียวยาภาวะ PTSD ได้
KLARITY Omega-3 Norway Ultra + Astaxanthin

โอเมก้า-3 จากน้ำมันปลาเป็นกรดไขมันสำคัญที่มีงานวิจัยรองรับว่าช่วยเรื่องสุขภาพสมอง โดยเฉพาะ EPA และ DHA ที่ช่วยลดการอักเสบในสมองซึ่งเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้อาการ PTSD รุนแรงขึ้น
KLARITY Omega-3 Norway Ultra + Astaxanthin มีจุดเด่นตรงที่
- มาจากแหล่งปลาทะเลน้ำลึกแถบนอร์เวย์ที่สะอาดบริสุทธิ์
- ผสมแอสตาแซนธินซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระทรงพลังที่ช่วยปกป้องเซลล์สมอง
- มีความเข้มข้นสูงและดูดซึมได้ดี ทำให้เห็นผลได้เร็วกว่า
งานวิจัยล่าสุดพบว่าผู้ที่มีอาการ PTSD มักมีระดับโอเมก้า-3 ในเลือดต่ำกว่าคนทั่วไป และการเสริมโอเมก้า-3 อย่างสม่ำเสมอช่วยลดอาการซึมเศร้า วิตกกังวล และการนอนไม่หลับซึ่งเป็นอาการหลักของ PTSD ได้
สั่งซื้อ KLARITY Omega-3 Norway Ultra + Astaxanthin ที่นี่
|
KLARITY Japan Ginkgo Biloba

แปะก๊วยหรือ Ginkgo Biloba เป็นสมุนไพรที่มีประวัติการใช้ยาวนานกว่า 2,000 ปี ในการรักษาปัญหาสมองและระบบประสาท สารสกัดจากใบแปะก๊วยมีคุณสมบัติ
- เพิ่มการไหลเวียนเลือดไปยังสมอง ทำให้ออกซิเจนและสารอาหารไปเลี้ยงสมองได้ดีขึ้น
- ลดการอักเสบและปกป้องเซลล์สมองจากอนุมูลอิสระ
- ช่วยปรับสมดุลสารสื่อประสาทในสมอง เช่น เซโรโทนิน โดปามีน ซึ่งส่งผลต่ออารมณ์และความรู้สึก
KLARITY Japan Ginkgo Biloba มีความพิเศษตรงที่
- ใช้สารสกัดจากใบแปะก๊วยคุณภาพสูงจากญี่ปุ่น
- มีความเข้มข้นของสารสำคัญ flavonoids และ terpenoids ในปริมาณที่เหมาะสม
- ผ่านกระบวนการผลิตที่ได้มาตรฐานสากล ทำให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่บริสุทธิ์และปลอดภัย
การใช้ KLARITY Japan Ginkgo Biloba อย่างสม่ำเสมอสามารถช่วยบรรเทาอาการวิตกกังวล ปัญหาความจำ และอาการสมาธิสั้นที่มักพบในผู้ที่มีภาวะ PTSD
สั่งซื้อ KLARITY Japan Ginkgo Biloba ที่นี่
|
ก้าวต่อไปของชีวิต...หลังจาก PTSD
PTSD อาจเป็นประสบการณ์ที่ยากลำบาก แต่เชื่อเถอะว่ามันไม่ใช่จุดจบของชีวิต หลายคนสามารถเรียนรู้ที่จะอยู่กับมันและกลับมามีชีวิตที่มีความสุขได้อีกครั้ง การรักษาที่เหมาะสม ร่วมกับการสนับสนุนจากคนรอบข้างและการดูแลตัวเองอย่างดี จะช่วยให้คุณผ่านพ้นช่วงเวลาที่ยากลำบากนี้ไปได้
อย่าลืมว่า การดูแลสุขภาพกายและสุขภาพจิตควบคู่กันไป เช่น การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ การออกกำลังกายสม่ำเสมอ การปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และการเสริมสารอาหารที่จำเป็นอย่าง KLARITY Omega-3 Norway Ultra + Astaxanthin และ KLARITY Japan Ginkgo Biloba จะช่วยให้กระบวนการเยียวยาเป็นไปอย่างสมบูรณ์มากขึ้น
เส้นทางการเยียวยาอาจแตกต่างกันไปในแต่ละคน แต่สิ่งสำคัญคือการไม่ยอมแพ้และเชื่อมั่นว่าวันที่ดีกว่ากำลังจะมาถึง คุณไม่ได้เผชิญกับสิ่งนี้เพียงลำพัง และคุณสามารถก้าวผ่านมันไปได้