February 26, 2024

บำรุงสมองอย่างฉลาด ร่างกายต้องไม่ขาด Omega-3

บำรุงสมองอย่างฉลาด ร่างกายต้องไม่ขาด Omega-3

ช่วงนี้หลาย ๆ คนคงใช้พลังงานสมองกันเยอะขึ้นทุกวัน เนื่องจากการทำงานที่ต้องใช้ความคิด การวิเคราะห์ หรือเสพสื่อต่าง ๆ อย่างมีวิจารณญาณ ดังนั้นเราควรเริ่มหาวิธีการบำรุงสมอง เอาไว้บ้างแล้ว เพื่อดูแลรักษาสุขภาพสมอง ไปจนถึงป้องกันโรคสมองต่าง ๆ ที่จะตามมาได้อย่าง ภาวะสมองล้า ซึ่งทางเลือกการที่ดี และมีประสิทธิภาพอย่างมากก็คือ การทานโอเมก้า-3 ให้ร่างกายนั่นเอง
  • โอเมก้า-3 คืออะไร พบได้จากอะไรบ้าง
    • ประโยชน์ของโอเมก้า-3 ต่อสมอง
  • น้ำมันปลา ช่วยพัฒนาสมองมั้ย ?
    • บำรุงสมองด้วยน้ำมันปลา ควรทานกี่มก. ต่อวัน
    • ข้อควรระวังในการทานน้ำมันปลา
  • สรุป

โอเมก้า-3 คืออะไร พบได้จากอะไรบ้าง

โอเมก้า-3 (Omega-3) เป็นกรดไขมันชนิดไม่อิ่มตัวที่สำคัญต่อการบำรุงร่างกาย และเป็นพลังงานให้กับสมองด้วย ซึ่งจัดเป็นกรดไขมันที่ร่างกายคนเราไม่สามารถสร้างขึ้นเองได้ ต้องรับจากการรับประทานอาหารประเภท ปลาทะเล ผักใบเขียว น้ำมันพืช ถั่ว เมล็ดพืชต่าง ๆ เป็นต้น

โดยกรดไขมันโอเมก้า-3 (Omega-3) นั้นประกอบไปด้วยกรดไขมันที่จำเป็นต่อร่างกายทั้ง 3 ชนิดคือ

  1. กรดไขมัน DHA (Docosahexaenoic acid): กรดไขมันชนิดนี้พบได้ถึง 40% ของสมอง จึงมีบทบาทสำคัญเกี่ยวกับสุขภาพสมองโดยตรง เป็นส่วนสำคัญในโครงสร้างของสมองและระบบประสาท ช่วยเสริมสร้างการเรียนรู้ และพัฒนาความจำ โดยจะพบได้มากในปลาทะเลน้ำลึก เช่น แซลมอน แมคเคอเรล หรือปลาน้ำจืดบางชนิด เช่น ปลาสวาย
  2. กรดไขมัน EPA (Eicosapentaenoic acid): มีบทบาทสำคัญเกี่ยวกับระบบประสาทในร่างกาย ด้วยการรักษาสมดุลของระดับกรดไขมันหลาย ๆ ชนิดภายในร่างกายให้คงที่ ไม่มากไม่น้อยเกินไป อีกทั้งยังมีผลต่อสุขภาพสมองด้านการลดความเสี่ยงภาวะสมองล้า สมองเสื่อม หรือปัญหาด้านสุขภาพจิตอีกด้วย พบได้ในปลาทะเลน้ำลึกเหมือน DHA
  3. กรดไขมัน ALA (Alpha-linolenic acid): เป็นกรดไขมันที่มีคุณสมบัติที่สามารถแปลงไปเป็น DHA หรือ EPA ได้ด้วย มีส่วนช่วยในการป้องกันโรคสมองเสื่อม ช่วยลดการอักเสบในระบบหลอดเลือด ลดระดับไขมันไม่ดี เพิ่มระดับไขมันดี พบได้ในพืชผัก เช่น มะเขือเทศ เมล็ดพืชต่าง ๆ เป็นต้น

ประโยชน์ของโอเมก้า-3 ต่อสมอง

โอเมก้า-3 เป็นสารอาหารสำคัญที่สมองต้องการนำไปเป็นพลังงานและบำรุงไปพร้อมกัน อีกทั้งร่างกายก็ไม่สามารถสร้างขึ้นเองได้ด้วย จึงจำเป็นต้องรับประทานเท่านั้น ถ้าพูดถึงเรื่องประโยชน์ก็นับได้ว่ามีอยู่มากเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็น
  1. บทบาทสำคัญในการพัฒนาสมอง โดยเฉพาะกล้ามเนื้อสมองและภูมิคุ้มกัน
  2. ปรับปรุงความจำและการเรียนรู้ ปรับปรุงฟังก์ชันของสมองให้ทำงานได้ดียิ่งขึ้น
  3. ลดความเสี่ยงต่อภาวะสมองเสื่อม
  4. ลดภาวะการทำงานของสมองเสื่อมถอยลง
  5. มีประสิทธิภาพในการลดภาวะสมาธิสั้น (ADHD) ในเด็ก
  6. ลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคพาร์กินสัน

ถึงแม้กรดไขมันโอเมก้า-3 สามารถพบได้จากปลาทะเลน้ำลึกเป็นส่วนใหญ่ แต่หลาย ๆ คนก็คงไม่อยากทานปลาทุกวัน ดังนั้นทางเลือกที่ง่ายกว่า และมีประสิทธิภาพสูงเหมือนกันก็คือ อาหารเสริมน้ำมันปลาที่อุดมไปด้วยกรดไขมัน Omega-3 สามารถทานเพื่อบำรุงสมองได้ทุกวัน แต่ควรทานในปริมาณที่เหมาะสมต่อวันตามช่วงอายุ

 

น้ำมันปลา ช่วยพัฒนาสมองมั้ย ?

น้ำมันปลา ช่วยพัฒนาสมองมั้ย ?

น้ำมันปลา เป็นน้ำมันที่ได้มาจากการสกัดน้ำมันจากปลา มักถูกนำมาใช้เป็นแหล่งกรดไขมันที่ดีต่อสุขภาพ โดยเฉพาะ Omega-3 ที่มีประสิทธิภาพต่อสุขภาพสมองโดยตรง ซึ่งประโยชน์ของน้ำมันปลาสามารถพัฒนาประสิทธิภาพการทำงานของสมอง ทั้งการจดจำ การเรียนรู้ ได้เป็นอย่างดี

น้ำมันปลาสามารถได้มาจากปลาทะเลหลายชนิด แต่ปลาทะเลต่างก็มีประสิทธิภาพของ Omega-3 แตกต่างกันไป ดังนั้นการเลือกน้ำมันปลาที่มีคุณภาพสูง และผ่านกระบวนการที่ถูกต้องจึงเป็นสิ่งสำคัญ

พวกเรา KLARITY มีผลิตภัณฑ์ Omega-3 Norway Daily น้ำมันปลาบริสุทธิ์ ไร้การ GMO สกัดจากปลาทะเลน้ำลึกตามธรรมชาติในประเทศนอร์เวย์ บรรจุไว้ในซอฟท์เจลขนาดเล็ก ทานง่าย ไร้กลิ่นคาวปลา มีส่วนประกอบของกรดไขมัน EPA 175 มก. และ DHA 125 มก. ต่อเม็ด ซึ่งเป็นปริมาณที่เหมาะสม และควรได้รับต่อวัน

 

เริ่มบำรุงสมอง คลิกเลย

 

บำรุงสมองด้วยน้ำมันปลา ควรทานกี่มก. ต่อวัน

โดยปกติแล้ว ร่างกายจะดูดซึมสารอาหารได้ดีที่สุดในช่วง 12.00 - 20.00 น. โดยเฉพาะตอนทานอาหารหรือหลังอาหาร ไม่เกิน 30 นาที ดังนั้นการทานน้ำมันปลาให้ได้รับประโยชน์สูงสุดสามารถทานพร้อมมื้ออาหารได้เลย

แต่อาหารเสริมน้ำมันปลานั้นควรได้รับในปริมาณที่เหมาะสมกับร่างกายตามงานวิจัยจากประเทศอังกฤษ ด้วยการบริโภคขั้นต่ำ 500 มิลลิกรัมต่อวัน แต่ไม่ควรเกิน 3 กรัม เพราะจะส่งผลให้ไตรกลีเซอไรด์ในเลือดเพิ่มสูงขึ้น

นอกจากนี้เราควรเลือกน้ำมันปลาที่มีปริมาณ EPA + DHA ให้มากกว่า 50% ของปริมาณน้ำมันปลาต่อเม็ด โดยผลิตภัณฑ์น้ำมันปลาของ KLARITY มีปริมาณน้ำมันปลาต่อเม็ดที่ 500 มก., ปริมาณ Omega-3 300 มก. (EPA 175 + DHA 125) เมื่อเทียบกันแล้วจะเห็นได้ว่า ปริมาณโอเมก้า-3 มากกว่า 50% ของน้ำมันปลา จึงเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมต่อสุขภาพสมองของทุกคน ด้วย Omega-3 Norway Daily น้ำมันปลาบริสุทธิ์ ไร้การ GMO สกัดจากปลาทะเลน้ำลึกตามธรรมชาติในประเทศนอร์เวย์ บรรจุไว้ในซอฟท์เจลขนาดเล็ก ทานง่าย ไร้กลิ่นคาวปลา

 

ใส่ตระกร้า

 

ข้อควรระวังในการทานน้ำมันปลา

ข้อควรระวังในการทานน้ำมันปลา

การเลือกทานน้ำมันปลาก็มีข้อควรระวังอยู่เช่นกัน เนื่องจากน้ำมันปลามีคุณสมบัติในการช่วยต้านการเกาะตัวของเกล็ดเลือด ส่งผลทำให้เลือดหยุดไหลช้าลงได้ หากทานในปริมาณไม่เหมาะสมหรือเกินขนาด จะส่งผลเสียต่อร่างกายแทน ข้อควรระวังที่ต้องรู้เมื่อจะทานน้ำมันปลา มีดังนี้
  1. ควรระวังในผู้ที่รับประทานยาจำพวก แอสไพริน หรือ วาร์ฟาริน ไม่ควรทานร่วมกันเนื่องจากมีฤทธิ์เหมือนกัน จะยิ่งทำให้เลือดไหลไม่หยุด
  2. ผู้ที่แพ้อาหารทะเลไม่ควรทาน อาจทำให้เกิดอาการแพ้ได้
  3. ควรทานในปริมาณที่เหมาะสมกับร่างกายของตัวเอง เพราะแต่ละคนต้องการปริมาณน้ำมันปลาที่ไม่เท่ากัน (ควรปรึกษาแพทย์ทุกครั้ง)
  4. หากทานเกินขนาดที่ควรได้รับ จะเป็นการเพิ่มไขมันไม่ดี และคอเลสเตอรอลเข้าสู่ร่างกายมากเกินไปโดยไม่รู้ตัว ส่งผลให้ระดับวิตามินอีในร่างกายลดลงอีกด้วย

สรุป

การเลือกทานน้ำมันปลาเพื่อบำรุงสมองเป็นทางเลือกที่ส่งผลดีต่อสุขภาพสมองโดยตรง และง่ายมากกว่าการทานปลาทุกวัน เพื่อเติมกรดไขมันโอเมก้า-3 ที่ร่างกายไม่สามารถสร้างขึ้นเองได้ แต่ก็ควรทานในปริมาณที่เหมาะสมกับร่างกายตัวเอง และควรปรึกษาแพทย์ทุกครั้ง เพื่อสุขภาพสมองและร่างกายที่แข็งแรง

 

สั่งซื้อตอนนี้ คลิกเลย !

 

สามารถอ่านบทความเพิ่มเติมเกี่ยวกับสมองของเราได้ที่นี่

Article by

klarity asia