November 23, 2025

“สมองฝ่อ” (Brain Atrophy) อาการเบื้องต้นที่ต้องรู้ | KLARITY

“สมองฝ่อ” (Brain Atrophy)

หลายคนอาจเคยได้ยินคำว่า “สมองฝ่อ” แล้วรู้สึกว่าเป็นเรื่องไกลตัวหรือเป็นโรคของผู้สูงอายุเท่านั้น แต่ความจริงแล้ว ภาวะสมองฝ่อ (Brain Atrophy) สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกวัย โดยเฉพาะในยุคที่เรามีภาวะเครียดสูง พักผ่อนไม่พอ ใช้สมองอย่างหนัก และละเลยสุขภาพในชีวิตประจำวัน การทำความเข้าใจภาวะนี้ตั้งแต่เนิ่น ๆ จะช่วยให้เรารู้ทันสัญญาณเตือนและดูแลสมองให้แข็งแรงได้ยาวนาน - KLARITY

อาการสมองฝ่อ คืออะไร?

ภาวะ สมองฝ่อ (Brain Atrophy) คือการที่เนื้อสมองหดตัวลงจากการสูญเสียเซลล์ประสาท (Neuron) หรือการเชื่อมต่อระหว่างเซลล์ประสาทที่ลดลง ซึ่งส่งผลให้สมองทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ เช่น ความจำลดลง การคิดวิเคราะห์ช้าลง หรือมีปัญหาการควบคุมการเคลื่อนไหวในบางส่วน หากปล่อยไว้นานโดยไม่ปรับพฤติกรรม อาจนำไปสู่ภาวะสมองเสื่อม (Dementia) หรือโรคอัลไซเมอร์ (Alzheimer’s Disease) ได้ในอนาคต

อาการสมองฝ่อ

ในภาวะปกติ สมองของเราจะเริ่มมีการเสื่อมตามวัยหลังอายุประมาณ 40 ปี แต่ในบางคน สมองอาจฝ่อเร็วกว่านั้นจากปัจจัยภายนอก เช่น ความเครียดเรื้อรัง พฤติกรรมการใช้ชีวิต หรือโรคบางชนิดที่กระทบต่อเซลล์สมองโดยตรง

อ่านเพิ่ม! สมองเสื่อมมีกี่ระยะ? รู้ทันอาการก่อนสาย 

สาเหตุของสมองฝ่อ Brain Atrophy

ภาวะสมองฝ่ออาจเกิดได้จากหลายสาเหตุ ทั้งจาก อายุ และ พฤติกรรมในชีวิตประจำวัน รวมถึงโรคทางระบบประสาทต่าง ๆ เช่น

  1. อายุที่มากขึ้น การเสื่อมของเซลล์สมองเป็นเรื่องธรรมชาติ แต่สามารถชะลอได้ด้วยการดูแลสุขภาพอย่างถูกวิธี
  2. โรคทางสมองและระบบประสาท เช่น โรคอัลไซเมอร์ พาร์กินสัน หรือเส้นเลือดในสมองตีบ
  3. การบาดเจ็บทางสมอง จากอุบัติเหตุหรือการกระแทกอย่างรุนแรง ทำให้สมองบางส่วนสูญเสียการเชื่อมต่อของเซลล์ประสาท
  4. ภาวะขาดสารอาหารสำคัญ โดยเฉพาะกรดไขมันโอเมก้า 3 ซึ่งเป็นส่วนประกอบหลักของเยื่อหุ้มเซลล์สมอง รวมถึงวิตามินบี12 และโฟเลต
  5. พฤติกรรมเสี่ยงในชีวิตประจำวัน เช่น การนอนน้อย ดื่มแอลกอฮอล์ สูบบุหรี่ ขาดการออกกำลังกาย และไม่บริโภคอาหารที่มีประโยชน์
  6. ความเครียดเรื้อรัง ที่กระตุ้นการหลั่งฮอร์โมนคอร์ติซอลในระดับสูง ซึ่งส่งผลให้เซลล์สมองส่วนความจำเสื่อมลง

อาการเบื้องต้นที่ควรรู้

อาการของสมองฝ่อในระยะแรกมักไม่ชัดเจน แต่จะค่อย ๆ ปรากฏขึ้นในชีวิตประจำวัน หากสังเกตตนเองหรือคนใกล้ชิดพบอาการเหล่านี้ ควรรีบปรึกษาแพทย์

สาเหตุของสมองฝ่อ Brain Atrophy
  • ความจำเริ่มแย่ลง โดยเฉพาะการจำเรื่องใหม่ ๆ เช่น ลืมนัด ลืมชื่อคน หรือจำไม่ได้ว่าวางของไว้ที่ไหน
  • สมาธิสั้นและจดจ่อได้น้อยล ทำงานหรืออ่านหนังสือได้ไม่นาน
  • คิดช้าลง ตัดสินใจยากขึ้น หรือใช้เวลานานกว่าจะตอบสนอง
  • อารมณ์เปลี่ยนแปลงง่าย เช่น หงุดหงิด วิตกกังวล หรือรู้สึกเศร้าโดยไม่มีสาเหตุ
  • พูดติดขัดหรือหาคำพูดไม่ออก โดยเฉพาะในผู้สูงอายุ
  • เสียการทรงตัวหรือการประสานงานของร่างกายลดลง ในกรณีที่สมองส่วนควบคุมการเคลื่อนไหวได้รับผลกระทบ

การสังเกตอาการเหล่านี้ตั้งแต่เนิ่น ๆ เป็นสิ่งสำคัญ เพราะภาวะสมองฝ่อสามารถตรวจพบและดูแลได้ก่อนที่จะรุนแรงขึ้น

6 วิธีชะลอการฝ่อของสมอง Brain Atrophy

แม้ว่าภาวะสมองฝ่อบางส่วนอาจไม่สามารถย้อนกลับได้ แต่เราสามารถ ชะลอการเสื่อมของสมองและเพิ่มศักยภาพของเซลล์ประสาทที่เหลืออยู่ ได้ด้วยพฤติกรรมสุขภาพที่ถูกต้อง ดังนี้

1. กินอาหารดีต่อสมอง

อาหารที่อุดมด้วยกรดไขมันโอเมก้า 3 มีบทบาทสำคัญในการสร้างเยื่อหุ้มเซลล์สมองและลดการอักเสบในสมอง เช่น

  • ปลาแซลมอน ปลาทู ปลาซาร์ดีน
  • ถั่ววอลนัต เมล็ดแฟลกซ์ และเมล็ดเจีย 

หากรับประทานปลาได้ไม่สม่ำเสมอ การเสริมด้วยผลิตภัณฑ์ KLARITY Omega-3 Norway Daily ซึ่งสกัดจากปลาทะเลน้ำลึกบริสุทธิ์จากนอร์เวย์ ก็เป็นทางเลือกที่สะดวก ช่วยเพิ่มค่า Omega-3 Index ให้เพียงพอต่อการทำงานของสมองและหัวใจ

รีวิวน้ำมันปลา KLARITY
 

สั่งซื้อน้ำมันปลาได้ที่นี่

2. นอนหลับให้เพียงพอ

การนอนเป็นช่วงที่สมองฟื้นฟูและกำจัดของเสียที่สะสมระหว่างวัน การนอนหลับวันละ 7–8 ชั่วโมงจะช่วยให้สมองทำงานเต็มที่ในวันถัดไป

3. ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ

โดยเฉพาะการออกกำลังกายแบบแอโรบิก เช่น เดินเร็ว ว่ายน้ำ หรือปั่นจักรยาน ช่วยเพิ่มการไหลเวียนเลือดไปเลี้ยงสมองและกระตุ้นการสร้างเซลล์สมองใหม่

4. ฝึกสมองอยู่เสมอ

สมองก็เหมือนกล้ามเนื้อ ยิ่งฝึกยิ่งแข็งแรง การอ่านหนังสือ เล่นเกมฝึกสมอง หรือเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ เช่น ภาษา ดนตรี หรือการวาดภาพ ช่วยกระตุ้นการเชื่อมต่อของเซลล์ประสาท

เล่นเกมฝึกสมอง หมากล้อม

5. จัดการความเครียด

ความเครียดเรื้อรังทำให้ระดับฮอร์โมนคอร์ติซอลสูงเกินไป ซึ่งเป็นอันตรายต่อสมองส่วนฮิปโปแคมปัส (hippocampus) ที่ควบคุมความจำ การทำสมาธิ การหายใจลึก ๆ หรือการทำกิจกรรมที่ผ่อนคลาย เช่น โยคะ หรือเดินในธรรมชาติ สามารถช่วยลดระดับความเครียดได้

6. เข้าสังคมและพูดคุยกับผู้อื่น

การมีปฏิสัมพันธ์ทางสังคมช่วยกระตุ้นสมองหลายส่วนพร้อมกัน ทั้งด้านภาษา ความคิด และอารมณ์ การอยู่คนเดียวมากเกินไปอาจเร่งการเสื่อมของสมองได้

สรุป

ภาวะสมองฝ่อเป็นสัญญาณเตือนสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม แม้จะพบมากในผู้สูงอายุ แต่พฤติกรรมการใช้ชีวิตในยุคดิจิทัลก็ทำให้คนวัยทำงานเริ่มมีความเสี่ยงเช่นกัน การดูแลสมองตั้งแต่วันนี้ด้วย อาหารที่มีประโยชน์ การพักผ่อนเพียงพอ การออกกำลังกาย และการเสริมโอเมก้า 3 อย่างเหมาะสม จะช่วยให้สมองแข็งแรง คิดไว จำแม่น และลดโอกาสเกิดภาวะสมองเสื่อมในอนาคต

Article by

klarity asia