April 27, 2025
วิธีป้องกันโรคพาร์กินสัน และชะลอความเสื่อมของระบบประสาท

โรคพาร์กินสันเป็นความผิดปกติของระบบประสาทแบบเรื้อรังที่กำลังส่งผลกระทบต่อประชากรทั่วโลกมากขึ้นเรื่อย ๆ ปัจจุบันพบว่ามีผู้ป่วยโรคพาร์กินสันทั่วโลกมากกว่า 10 ล้านคน โดยในประเทศไทยพบประมาณ 150,000 คน และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องตามอายุขัยของประชากรที่สูงขึ้น โรคนี้ส่งผลให้เกิดการเสื่อมของเซลล์ประสาทในสมองที่ผลิตสารสื่อประสาทโดปามีน ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการควบคุมการเคลื่อนไหวของร่างกาย
การป้องกันและชะลอความเสื่อมของระบบประสาทมีความสำคัญอย่างยิ่ง เนื่องจากในปัจจุบันยังไม่มีวิธีรักษาโรคพาร์กินสันให้หายขาดได้ การเข้าใจถึงปัจจัยเสี่ยง การปรับเปลี่ยนวิถีชีวิต และการเสริมสร้างสุขภาพสมองจึงเป็นกุญแจสำคัญในการลดความเสี่ยงและชะลอการดำเนินของโรค บทความนี้ KLARITY จะนำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับโรคพาร์กินสัน และวิธีการป้องกันรวมถึงการชะลอความเสื่อมของระบบประสาท
สาเหตุและกลไกการเกิดโรค พาร์กินสัน
โรคพาร์กินสันเกิดจากการตายของเซลล์ประสาทในส่วนของสมองที่เรียกว่า substantia nigra ซึ่งทำหน้าที่ผลิตสารสื่อประสาทโดปามีน เมื่อเซลล์เหล่านี้ตายลง ระดับโดปามีนจะลดลง ส่งผลให้สมองไม่สามารถส่งสัญญาณควบคุมการเคลื่อนไหวได้อย่างปกติ นอกจากนี้ยังพบการสะสมของโปรตีนผิดปกติที่เรียกว่า "เลวี บอดี้" (Lewy bodies) ในเซลล์ประสาท ซึ่งเป็นลักษณะเฉพาะของโรคนี้
แม้ว่าสาเหตุที่แท้จริงของโรคพาร์กินสันยังไม่เป็นที่ชัดเจน แต่นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าเกิดจากปัจจัยหลายอย่างร่วมกัน ทั้งพันธุกรรมและสิ่งแวดล้อม เช่น การสัมผัสสารเคมีบางชนิด มลพิษ และความเครียด

4 อาการโรคพาร์กินสัน
อาการแสดงที่สำคัญของโรคพาร์กินสันมี 4 อาการหลัก ได้แก่
- อาการสั่น (tremor) โดยเฉพาะเมื่อพักหรืออยู่นิ่ง ๆ
- การเคลื่อนไหวช้า (bradykinesia)
- กล้ามเนื้อแข็งเกร็ง (rigidity)
- ปัญหาด้านการทรงตัวและการเดิน (postural instability)
นอกจากนี้อาจมีอาการอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น ซึมเศร้า นอนไม่หลับ ปัญหาการขับถ่าย การดมกลิ่นผิดปกติ และการรู้คิดบกพร่อง การวินิจฉัยโรคพาร์กินสันอาศัยการตรวจร่างกายโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านระบบประสาท ร่วมกับประวัติทางการแพทย์และอาการทางคลินิก
ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดโรค
- อายุที่เพิ่มขึ้น (พบมากในผู้ที่มีอายุมากกว่า 60 ปี)
- ประวัติครอบครัวที่มีโรคพาร์กินสัน
- เพศชาย (พบในเพศชายมากกว่าเพศหญิง)
- การสัมผัสกับสารพิษบางชนิด โดยเฉพาะยาฆ่าแมลงและสารเคมีอุตสาหกรรม
- การบาดเจ็บที่ศีรษะอย่างรุนแรงหรือซ้ำ ๆ
การป้องกันและชะลอความเสื่อมของระบบประสาท

การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
การออกกำลังกายเป็นประจำไม่เพียงช่วยเพิ่มสุขภาพโดยรวม แต่ยังมีบทบาทสำคัญในการปกป้องเซลล์ประสาทและชะลอการเสื่อมของระบบประสาท งานวิจัยพบว่าการออกกำลังกายช่วยกระตุ้นการผลิตสารที่เรียกว่า BDNF (Brain-Derived Neurotrophic Factor) ซึ่งช่วยในการเจริญและซ่อมแซมเซลล์ประสาท
การจัดการความเครียด
ความเครียดเรื้อรังส่งผลลบต่อสุขภาพสมองและระบบประสาท โดยทำให้เกิดการอักเสบและเพิ่มความเสียหายจากอนุมูลอิสระ การจัดการความเครียดจึงเป็นส่วนสำคัญในการป้องกันความเสื่อมของระบบประสาท เทคนิคที่มีประสิทธิภาพ
การนอนหลับที่มีคุณภาพ
การนอนหลับเป็นช่วงเวลาสำคัญที่สมองใช้ในการกำจัดของเสียและซ่อมแซมตัวเอง การนอนไม่เพียงพอหรือคุณภาพการนอนไม่ดีเชื่อมโยงกับความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นของโรคทางระบบประสาท ข้อแนะนำสำหรับการนอนหลับที่มีคุณภาพ
อ่านเพิ่ม! เครียดบ่อย นอนไม่หลับ? โรคฮิตคนยุคใหม่! ใบแปะก๊วยช่วยได้
ทานอาหารต้านอนุมูลอิสระ
อนุมูลอิสระเป็นสาเหตุสำคัญของความเสียหายต่อเซลล์ประสาท การรับประทานอาหารที่อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระจึงมีบทบาทสำคัญในการปกป้องสมองและระบบประสาท อาหารเหล่านี้ได้แก่
- ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ เช่น บลูเบอร์รี่ สตรอเบอร์รี่ และราสเบอร์รี่
- ผักใบเขียวเข้ม เช่น คะน้า ผักโขม และบร็อคโคลี่
- ถั่วและเมล็ดพืช เช่น วอลนัท อัลมอนด์ และเมล็ดฟักทอง
- ชาเขียวและชาขาว ซึ่งมีสารแคเทชิน (catechins) สูง
กินอาหารที่มีโอเมก้า-3 สูง
กรดไขมันโอเมก้า-3 มีคุณสมบัติต้านการอักเสบและส่งเสริมสุขภาพสมอง โดยเฉพาะ DHA (docosahexaenoic acid) ซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญของเยื่อหุ้มเซลล์ประสาท แหล่งอาหารที่อุดมไปด้วยโอเมก้า-3 ได้แก่
- ปลาทะเลน้ำลึก เช่น ปลาแซลมอน ปลาทูน่า และปลาซาร์ดีน
- เมล็ดเจีย เมล็ดแฟลกซ์ และน้ำมันจากเมล็ดพืชเหล่านี้
- วอลนัท
- สาหร่ายทะเล
อาหารเสริม KLARITY ป้องกันปัญหาสุขภาพระบบประสาท
การป้องกันและชะลอความเสื่อมของเซลล์ประสาทจึงเป็นกุญแจสำคัญ แม้ว่าวิถีชีวิตที่ดีทั้งการออกกำลังกายและการทานอาหารที่มีประโยชน์จะช่วยได้ แต่บางครั้งร่างกายต้องการการเสริมสารอาหารจำเพาะที่เราอาจได้รับไม่เพียงพอจากอาหารประจำวัน
KLARITY นำเสนอผลิตภัณฑ์คุณภาพสูงที่ผ่านการคัดสรรอย่างพิถีพิถัน เพื่อเสริมสร้างสุขภาพระบบประสาทอย่างครอบคลุม ด้วยส่วนผสมจากธรรมชาติที่มีงานวิจัยรองรับถึงประสิทธิภาพในการปกป้องและฟื้นฟูเซลล์ประสาท ทั้งโอเมก้า-3 คุณภาพสูงจากทะเลนอร์เวย์และสารสกัดใบแปะก๊วยจากญี่ปุ่น

KLARITY Omega-3 Norway Daily: พลังปกป้องสมองจากทะเลนอร์เวย์
โอเมก้า-3: สุดยอดสารอาหารที่สมองขาดไม่ได้
ร่างกายเราไม่สามารถผลิตโอเมก้า-3 เองได้ แต่กลับเป็นสารอาหารสำคัญที่สมองต้องการ KLARITY Omega-3 Norway Daily จึงคัดสรรน้ำมันปลาคุณภาพเยี่ยมจากทะเลนอร์เวย์ที่บริสุทธิ์ ปราศจากสารปนเปื้อน เพื่อเติมเต็มความต้องการนี้
โอเมก้า-3 โดยเฉพาะ DHA คือส่วนประกอบหลักของเยื่อหุ้มเซลล์ประสาท งานวิจัยพบว่าการได้รับโอเมก้า-3 เพียงพอช่วยลดความเสี่ยงโรคระบบประสาทหลายชนิด รวมถึงพาร์กินสัน
สั่งซื้อ KLARITY Omega-3 Norway Daily ที่นี่
|
DHA และ EPA: คู่หูมหัศจรรย์ปกป้องเซลล์ประสาท
KLARITY Omega-3 Norway Daily อุดมด้วย DHA และ EPA ที่ทำงานร่วมกันเพื่อ:
- DHA ช่วยรักษาความยืดหยุ่นของเยื่อหุ้มเซลล์ประสาท เพิ่มประสิทธิภาพการสื่อสารระหว่างเซลล์ และกระตุ้นโปรตีนที่ช่วยให้เซลล์แข็งแรง
- EPA มีฤทธิ์ต้านการอักเสบทรงพลัง ลดการอักเสบในสมองที่เป็นสาเหตุสำคัญของโรคพาร์กินสัน
KLARITY Japan Ginkgo Biloba: สารสกัดใบแปะก๊วยคุณภาพสูงจากญี่ปุ่น

พลังปกป้องจากธรรมชาติสู่เซลล์ประสาท
สารสกัดใบแปะก๊วยใน KLARITY Japan Ginkgo Biloba อุดมด้วยฟลาโวนอยด์และเทอร์พีนแลคโตน ที่มีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระและลดการอักเสบอย่างมีประสิทธิภาพ
นอกจากนี้ยังช่วยปกป้องเซลล์ประสาทจากความเสียหายที่เกิดจากเบต้า-อะมิลอยด์ และบำรุงไมโตคอนเดรีย (แหล่งพลังงานในเซลล์) ให้ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญในการป้องกันโรคพาร์กินสัน
สั่งซื้อ KLARITY Japan Ginkgo Biloba ที่นี่
|
เลือดไหลเวียนดี สมองได้ประโยชน์
KLARITY Japan Ginkgo Biloba ช่วยขยายหลอดเลือดและป้องกันการจับตัวของเกล็ดเลือด ทำให้เลือดไหลเวียนสู่สมองดีขึ้น สมองจึงได้รับออกซิเจนและสารอาหารเพียงพอ ผลการศึกษาทางคลินิกพบว่า ผู้ที่รับประทานสารสกัดใบแปะก๊วยมีการไหลเวียนเลือดในสมองเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน โดยเฉพาะในผู้สูงอายุ
ต้านอนุมูลอิสระ ชะลอความเสื่อม
ใบแปะก๊วยในผลิตภัณฑ์อุดมด้วยสารต้านอนุมูลอิสระประสิทธิภาพสูง โดยเฉพาะกลุ่มฟลาโวนอยด์ที่ช่วยกำจัดอนุมูลอิสระซึ่งเป็นสาเหตุหลักของความเสียหายต่อเซลล์ประสาทในโรคพาร์กินสัน
การรับประทาน KLARITY Japan Ginkgo Biloba เป็นประจำจึงช่วยลดความเสียหายจากภาวะเครียดออกซิเดชันและชะลอการเสื่อมของระบบประสาทได้อย่างมีประสิทธิภาพ
สรุป
การดูแลสุขภาพแบบองค์รวมคือกุญแจสำคัญ เริ่มจากการปรับเปลี่ยนวิถีชีวิต ทั้งการออกกำลังกายสม่ำเสมอ การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อสมอง การจัดการความเครียด และการนอนหลับอย่างมีคุณภาพ นอกจากนี้ การเสริมสารอาหารที่มีคุณประโยชน์เฉพาะต่อระบบประสาท เช่น โอเมก้า-3 และสารสกัดใบแปะก๊วย ก็มีส่วนสำคัญในการปกป้องเซลล์ประสาทและชะลอการเสื่อม